กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) แถลงผลการปฏิบัติงานยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ ทลายแหล่งกบดานของกลุ่มก่อความไม่สงบ พร้อมรวบผู้ต้องหาเพิ่มหลายรายในหลายคดี พร้อมกิจกรรมช่วงเดือนรอมฏอน และแจกชุดรายอเด็กกำพร้า
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2559 ณ สโมสรนายทหารชั้นสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นายสัมพันธ์ มูซอดี ผู้ช่วยเลขาธิการศอ.บต./ผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. ได้ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าและศอ.บต. ในรอบเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานของหน่วยกำลังร่วม 3 ฝ่าย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากรายงานพบว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ และทลายแหล่งกบดานของกลุ่มก่อความไม่สงบได้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการจับกุมผู้ต้องหา และผู้ร่วมก่อเหตุได้หลายราย โดยเฉพาะความคืบหน้าสำคัญๆ หลายคดี เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลนำไปสู่การจับกุม และออกหมายจับหลายราย โดยเฉพาะความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่คนร้ายใช้เป็นฐานในการโจมตีกองร้อยทหารพราน 4816 เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2559
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดฐานปฏิบัติการและปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหลายครั้ง ได้เข้าตรวจยึดฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่ในพื้นที่ป่าเขาบ้านไอร์กิส บ้านย่อยบ้านไอโซ หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ได้ปะทะจนทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 4 ราย และขยายผลจนสามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จำนวนมาก
– ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุ จำนวน 38 ราย แยกเป็นยิงจุดตรวจบริเวณสถานีรถไฟเจาะไอร้อง 11 ราย เข้ายึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง 27 ราย สามารถดำเนินคดีได้แล้ว 3 คน
– ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 18 กระบอก กระสุนปืน 2,406 นัด ยึดทำลายฐานบนเขาได้ทั้งหมด จำนวน 9 ฐานปฏิบัติการ(เขาตะเว7 ฐาน, เขาเมาะแต1 ฐาน, เขากุนุงจองนอง 1 ฐาน) พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่างๆ เสบียงอาหาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติมและติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
– ยอดอาวุธปืนที่ถูกปล้นจากกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 สามารถตรวจยึดคืนมาได้ จำนวน 123 กระบอก ล่าสุด ในปี 2559 สามารถตรวจยึดเพิ่มมาได้อีก 16 กระบอก เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา
ด้านการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจสร้างอำเภอสันติสุข ปัจจุบันได้บูรณาการแผนงานและงบประมาณ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นรายครัวเรือนเรียบจำนวน 451,140 ครัวเรือน งบประมาณ 3,575 ล้านบาท โครงการโดยส่วนราชการในพื้นที่สามารถให้การสนับสนุนได้ จำนวน 192,000 ครัวเรือน งบประมาณ 515 ล้านบาท เป็นโครงการด้านการเมือง 15 ล้านบาท โครงการช่วยแหล่งบรรเทาความเดือดร้อน 369 ล้านบาท และโครงส่งเสริมอาชีพ 131 ล้านบาท ในส่วนที่เหลืออีก 3,060 ล้านบาท จะได้เสนอให้ สล.คปต.เพื่อให้กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ โดยบูรณาการงบประมาณและแผนงานปี 2559 และปี 2560 ต่อไป
สำหรับโครงการพาคนกลับบ้าน ในปี 2559 มีผู้เห็นต่างจากรัฐเข้ารายงานตัวเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 2,093 ราย แยกเป็นหมาย พ.ร.ก. 1,885 ราย หมาย ป.วิอาญา 164 ราย และผู้หวาดระแวง 44 ราย สำหรับภาพรวมตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปี 2555 มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 4,089 ราย จะเห็นได้ว่า ในปีงบประมาณ 2559 มีจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สามารถจัดตั้งเป็นชมรมพาคนกลับบ้านทั้ง 37 ชมรม/อำเภอ ตลอดจนการฝึกอบรมวิชาชีพ จำนวน 700 ราย เพื่อเพิ่มรายได้ของผู้ร่วมโครงการ และครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ขณะที่ความคืบหน้าการก่อสร้างถนน 37 สาย ทางการปฏิบัติงานตามโครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา (ระยะที่ 2) จำนวน 37 เส้นทาง ปัจจุบันหน่วย ช.ฉก.ได้ดำเนินการ 19 เส้นทาง จาก 37 เส้นทาง แล้วเสร็จ 1 เส้นทาง และได้จัดส่งมอบถนนแล้ว คือ ถนนสายบ้านสะปอม และบ้านรอตันบาตู ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยมี พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 โดยสรุปภาพรวมการก่อสร้างขณะนี้คิดเป็น 34.01% จากแผนงาน 22.20% เร็วกว่าแผนงาน 11.80%
ในส่วนของศอ.บต. ซึ่งขับเคลื่อนงานสำคัญๆ หลายกิจกรรมในห้วงเดือนรอมฏอนเช่น การจัดชุดละศีลอดแก่ผู้ที่สัญจรเดินทางใน 3 จุดคือ จุดตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา นราธิวาสและยะลา แจก 15 นาทีก่อนเวลาละศีลอด
ด้านโครงการบ้านประชารัฐประชาคมซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 1,540 หลัง เป็นการช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย สำหรับบ้านที่ได้รับเลือกในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด้จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี เป็นที่มาของลำดับที่ 707 ของโครงการฯ ได้แก่ บ้านเลขที่ 49/3 ม.5 ต.บอเจาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส บ้านของนายเจ๊ะดอเลาะ เจ๊ะบู ซึ่งมีกำหนดส่งมอบบ้านก่อนวันฮารีรายอนี้
นอกจากนี้ มีกิจกรรม “ประชารัฐร่วมใจ สู่เดือนรอมฏอน” สนับสนุนข้าวสารและน้ำตาลแก่ครอบครัวยากจนจำนวน 2,300 มัสยิดๆ ละ 10 ชุด และงบประมาณให้กับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด สำหรับจัดกิจกรรมในห้วงเดือนนี้ และการแจกชุดรายอแก่เด็กกำพร้าทั้งไทยพุทธและมุสลิม จำนวน 3,700 ชุด