“ผมชอบเขียน ตอนเรียนก็จดละเอียด วิชาที่บรรยายผมตอบได้หมด เมื่อมาเป็นงานเขียนก็ไม่ยากเพราะชอบเขียนบรรยายเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว”
อัดนัน แวยี นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนสุวรรณไพบูลย์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี บอกถึงความชอบในการเขียน เมื่อได้มาร่วมในค่ายนักเขียนชุมชนต้นแบบ ณ หาดตะโละสะมิแล ทำให้เขาได้ค้นพบความเป็นไปของชุมชนและกลั่นความรู้สึกมาเป็นงานเขียนในรูปแบบของตัวเอง
ริมหาดตะโละสะมิแล เด็กๆ กำลังจดจ่อทำสันและทำปก “สมุดทำมือ”เวลาผ่านไปเด็กๆ ยังจดจ่อที่เดิม………..
ถึงเวลาพัก…. เด็กๆ ลุกขึ้นมาเหยียดแขน ลุกขึ้นออกจากบังกะโล กินขนม ดื่มน้ำ….พักสายตา ทะเลใสในยามบ่าย เด็กๆ ยังนั่งทำ “ปกสมุดทำมือ” ต่อ.. ต่างตั้งใจตัดผ้า เพื่อมาแปะที่หน้าปก.. ลวดลายผ้าเป็นผ้าปาเต๊ะ..เรียบๆ แต่ดูดี
ภาพเหล่านี้ คือส่วนหนึ่งของกิจกรรมโครงการเยาวชนนักเขียนชุมชนต้นแบบเพื่อสันติภาพในริมชายฝั่งทะเลที่ทางกลุ่มเยาวชนพิราบขาว กลุ่มเฌอบูโด และกลุ่มเตะกระป๋อง จัดขึ้นและสนับสนุนโดย กองทุนเสริมสร้างสันติภาพ(Peace-building Partnership Facility:PPF) โครงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูชายแดนภาคใต้(ช.ช.ต.) เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2557 ซึ่งมองเห็นการสร้างโอกาสให้กับเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการฝึกทักษะในด้านการเขียน
อัดนันบอกถึงการได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า“ได้เรียนรู้วิถีชุมชนที่นี่ว่า กว่าจะได้ปลามาสักตัวเหนื่อยยากแค่ไหน การอยู่อาศัยของคนฝั่งทะเลในยังเป็นวิถีเดิมๆ ส่วนฝั่งทะเลนอกก็เป็นอีกอย่าง แม้บ้านผมจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แต่ไม่เคยรู้จักและสัมผัสกับชีวิตชาวบ้านที่นี่ บ้านแถวนี้เขาจะสร้างติดๆ กัน ความเป็นอยู่ใกล้เคียงกันทำให้รู้สึกใกล้กัน ช่วยกันเป็นหูเป็นตากันในชุมชน ต่างกับแถวบ้านที่อยู่กันแบบตัวใครตัวมัน แต่ละบ้านก็มีรั้วกั้นแบ่งกั้นเขต เพื่อนมนุษย์อยู่ใกล้แต่แตกต่างกันเหลือเกิน”
“เจอคนเลี้ยงปลากะพงที่ทะเลในเขาบอกว่า เป็นการทำมาหากินที่ได้มีกินไปวันๆ ส่วนทางทะเลนอกจะทำได้มากกว่า แต่เมื่อหน้ามรสุมก็ต้องหยุดออกเรือหาปลา”
การมาร่วมค่ายนี้ทำให้อัดนันได้พัฒนาทักษะการเขียน กล้าพูด กล้าแสดงออก และมีสิ่งที่อธิบายไม่ได้อีกมาก พร้อมบอกว่า ควรขยายโอกาสให้มากขึ้นและทั่วถึงแก่เด็กที่รอโอกาสดีกว่าเอางบประมาณไปใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น
น.ส.โซไรดา อาวัง นักเรียนชั้นม.5 จากโรงเรียนสุวรรณไพบูลย์ มาจากบ้านบือเจาะ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ที่ไม่ไกลจากบ้านตะโละสะมิแลมากนัก สาวน้อยบอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาเข้าค่ายแบบนี้ และได้เอาความรู้ในห้องเรียนมาใช้ในเรื่องของการเขียนด้วย
“ส่วนตัวชอบเขียนไดอารี่อยู่แล้ว เพราะได้ระบายทุกอารมณ์ไว้ในนั้น เมื่อมาร่วมในค่ายนี้ได้เรียนรู้องค์ประกอบของการเขียนมากขึ้น คิดว่าสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ได้พบเห็นเป็นเรื่องราวได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ และพี่ๆ ในทีมช่วยเรียบเรียงให้งานดูลื่นไหลอีกครั้ง”
น้องดาบอกว่า ค่ายนี้ทำให้ได้รู้จักวิถีชีวิตชาวเล อาชีพของคนที่นี่ สภาพของทะเล ได้สัมผัสกับทะเลใน ได้คุยกับผู้ใหญ่ ชาวบ้านและได้ความรู้หลายอย่าง เห็นความแตกต่างของพื้นที่และอาชีพกับบ้านของตัวเอง
“นอกจากเรื่องการเขียน ได้รู้จักและสัมผัสชีวิตพี่น้องในชุมชนแล้ว ค่ายนี้ยังทำให้ได้พบเพื่อนใหม่วัยใกล้เคียงกันอีกหลายคน อยากให้เด็กคนอื่นได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ และมีการส่งเสริมโครงการให้กว่างเพื่อขยายโอกาสไปยังคนอื่นๆ ด้วย”
มุกตา นาลี ผู้ประสานงานโครงการฯ บอกกล่าวถึงความเป็นไปของน้องๆ กับโครงการว่าเด็กที่มาร่วมค่ายมีทั้งเด็กในระบบและนอกระบบการศึกษาที่มีความแตกต่างกัน อยากให้พวกเขากล้าพูด กล้าแสดงออก มีการแลกเปลี่ยน ลงพื้นที่ชุมชนหาข้อมูลมาเขียน ให้คิดเองทำเองในรูปแบบที่ถนัด ทางทีมเป็นผู้จุดประกายมากกว่า เช่นประเด็น “ไปค่ายริมทะเลจะเขียนอะไรได้บ้าง”เพื่อทำให้เขาอยากเขียนงานมากขึ้น และนำประโยชน์จากโครงการไปใช้ได้
“เด็กบางคนมาจากครอบครัวชาวประมงแต่ไม่เคยรู้จักเครื่องมือทำมาหากินของพ่อแม่ก็ได้มารู้จักและเข้าใจถึงความเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน”
“โดยส่วนตัวถือว่าทำสำเร็จแล้ว ไมได้หวังว่างานเขียนต้องดี ภาษาสวย เพราะสิ่งที่เขาเขียนมาคือสอบผ่านในความตั้งใจ จากค่ายนี้ เมื่อเขาไปเรียนที่ไหนหรือทำอะไร คือเริ่มต้นมาจากที่นี่ เห็นน้องๆ หลายคนที่มีศักยภาพ และหากสามารถต่อยอดได้กับกลุ่มหรือโครงการอื่นจะทำให้พวกเขาได้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นและพัฒนางานเขียนที่ดีได้ในอนาคต”
ความนัยของอัดนัน…เมล็ดพันธุ์จากค่ายนักเขียนชุมชนต้นแบบ
(อัดนัน แวยี : ต้นเรื่อง / เลขา เกลี้ยงเกลา : เรียบเรียง)
ฟิ้ว…ฟิ้ว…ฟิ้ว… นั่งฟังเสียงคลื่นริมทะเลอันแสนอบอุ่น ฉันได้เงยหน้ามองสุดปลายฟ้า เห็นความสวยงามของแสงอาทิตย์ที่มาพร้อมกับความคิดจินตนาการ
“นี่แหละบ้านฉัน มีทะเลแสนสวยงาม”
แบนอได้บอกถึงความเป็นมาของหมู่บ้านตะโละสะมิแลว่าทำไมต้องชื่อนี้แบนอบอกว่าเมื่อก่อน ณ หมู่บ้านแห่งนี้ จะมีฝูงปลาดุกทะเล หรือรู้จักกันว่า อีแกสมิแล คือความจริงที่ฉันได้ฟังจากแบนอ แบนอเป็นคนที่นี่ ประกอบอาชีพทำประมงและมีอีกคนที่ทำให้ฉันได้รับรู้ความเป็นอยู่ ภูมิปัญญาของคนที่นี่เขามีนามว่า แบมา เป็นเจ้าของตะโละสะมิแลรีสอร์ท แต่ก่อนแบมาประกอบอาชีพเป็นชาวประมง แบมาได้พูดถึงความลำบาก ความแตกต่างในอดีตกับปัจจุบัน
เมื่อฉันได้เรียนรู้ความเป็นมาของคนที่นี่แล้ว ฉันได้ลงพื้นที่ทั้งสองฝั่งเพื่อสอบถามว่ามีความเป็นอยู่เป็นยังไง เป็นแบบไหน สุขหรือทุกข์ ความต้องการของชาวบ้านคืออะไรและต้องทำยังไง เพราะ เพราะ เพราะ …
เสียงเดินเท้าของพวกฉันเพื่อที่จะลงพื้นที่ฝั่งทะเลนอกและทะเลใน ฉันได้เดินและเจอลุงคนหนึ่งที่กำลังตัดไม้เพื่อทำไม้ฟืนและถ่านเพื่อเก็บเอาไว้เพื่อทำกับข้าว ฉันถามลุงว่าคนที่นี่ทำอาชีพอะไร ลุงบอกว่าอาชีพประมงแทบทุกบ้านเลยก็ว่าได้
“ทำอาชีพประมงมันไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ทำไมเหรอลุง”
“เพราะชาวประมงส่วนหนึ่งได้ใช้เครื่องมือที่ผิดมาทำประมงไง”
“อืม… แล้วเหมือนเดิมยังไงล่ะ ผิดยังไง”
“แต่ก่อนการทำประมงไปแล้วกลับบ้านมีปลามากมายติดเรือมาด้วยตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว บางครั้งมีปลาติดมาแต่ไม่มาก บางครั้งก็กลับบ้านมือเปล่าพร้อมความท้อแท้ที่ไปทำงานแต่พอกลับบ้านไม่มีอะไรติดมือกลับมาเลย เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็มาจากชาวประมงส่วนหนึ่งที่ใช้เครื่องมือที่ผิด สิ่งนี้เรียกว่า “ไอ้โง่” ใช้สำหรับดักปลา ข้อเสียของไอ้โง่คือ ทั้งปลาเล็กปลาใหญ่จะเข้าไปใน “ไอ้โง่” หมดจนทำให้ปลาขยายพันธุ์ไม่ทันกับความต้องการของคนที่ทำประมงและส่งผลกระทบกับการประกอบอาชีพของคนในพื้นที่”
ในเมื่อฉันได้รู้ความต้องการของชาวประมงที่นี่ว่าลำบากและต้องการอะไร ฉันได้ขอบคุณลุงและเดินมุ่งหน้าต่อไป ฉันเดินไปแล้วเห็นอวนทิ้งไว้บนเรือบ้าง ริมฝั่งทะเลบ้าง… ฉันสังเกตว่าทำไมเขาทำแบบนี้ เพราะอะไร ชาวบ้านไม่กลัวหรือว่าอวนจะถูกขโมย จนกระทั่งฉันได้เจอกับชาวบ้านคนหนึ่งที่เป็นชาวประมง อายุ 31 ปี เขาได้ตอบคำถามที่ฉันสงสัยว่าทำไมไม่กลัวคนขโมยเรือหรือของในเรือเพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นของจำเป็นสำหรับชาวประมง ชายคนนี้เป็นคนในพื้นที่ตะโละสะมิแลชื่อ แบดี
แบดีตอบว่า ไว้ใจเพื่อนบ้านที่นี่ ฉันรู้สึกว่าคนที่นี่อยู่ได้เพราะมีความไว้วางใจกันและฉันสงสัยอีกอย่างแล้วถามแบดีว่า ทำไมชาวประมงจึงจอดเรือที่ริมทะเลใน แบดีตอบว่าเพราะทะเลในไม่มีคลื่นแรง ลมไม่แรง จึงเป็นเหตุที่ชาวประมงจอดเรือไว้ที่ริมทะเลใน ทำไมไม่จอดที่ทะเลนอก แบดีตอบว่า ไม่ปลอดภัยเพราะทะเลมีลมแรง มีคลื่นลูกใหญ่ๆ เป็นส่วนมาก
ฉันกลับไปหาแบนอและพูดคุยกับเพื่อนและถามเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของคนตะโละสะมิแล แบนอได้ตอบว่า การทำงานของคนที่นี่จะออกเรือทำประมงทุกวัน สำหรับทะเลในชาวประมงจะทำมาหากินได้ทุกวัน แต่ถ้าเป็นทะเลนอกมีการทำประมงตามฤดูกาล แบนอได้กล่าวถึงปัญหาตอนนี้คือทรัพยากรขาดแคลนเนื่องมาจากคนส่วนหนึ่งที่นำเครื่องมือที่ผิดมาประกอบอาชีพ ก่อให้เกิดผลกระทบและขาดแคลนเพราะเครื่องมือนี้จะดักปลาได้ทุกขนาด ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ทำมาหากินได้อย่างมีความสุขเพราะปลามีมากมายและมีความภาคภูมิใจที่มีทะเล แต่ตอนนี้แทบจะไม่มี ออกทำประมงแทบจะไม่มีกุ้งปูปลาเลยก็ว่าได้ ปลาดุกทะเลก็แทบไม่มีสมองเลยก็ว่าได้ สาเหตุเพราะชาวประมงส่วนหนึ่งใช้เครื่องมือที่ผิด ทะเลนอกก็จะใช้อวนลาก ส่วนทะเลในจะใช้ไอ้โง่ ทั้งสองนี้เป็นชนิดเดียวกันและส่งผลกระทบต่อชาวประมงอย่างหนัก
แบนอกล่าวว่าหนทางที่จะดูแลทะเลให้กลับมาเป็นคือ อยากจะให้พวกฉัน ค่ายนักเขียนต้นแบบช่วยเป็นสื่อกลางเพื่อที่จะแก้ไขไม่ให้มีการทำประมงแบบผิดกฎหมายเช่น ช่วยเป็นสื่อกลางเพื่อส่งสารขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะแก้ปัญหาโดยส่งปะการังเทียมในทะเลในและทะเลนอกให้มีความปลอดภัยแก่กุ้งและปลาเพื่อที่จะวางไข่ได้อย่างปลอดภัย แต่ที่ผ่านมามีการปล่อยปะการังเทียมลงทะเล แต่ปัญหาคือปล่อยไกลนอกพื้นที่ที่ชาวประมงจะไปทำมาหากิน เดือนหกชาวประมงจะหยุดทำงานชั่วคราวเพราะกุ้งปลาอยู่ในช่วงวางไข่เพื่อที่ปลาจะมีความปลอดภัย แต่ปัจจุบันมีการทำประมงตลอดแบบผิดๆ ไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของคนในชุมชนและไม่คิดที่จะอนุรักษ์สืบทอดและเก็บที่ทำมาหากินให้แก่ลูกหลานในวันหน้า ฉันได้เห็นอีกว่าการอยู่รวมกันจะเป็นพลังและนำความเข้มแข็งและความสำเร็จในทุกๆ ด้าน คนเราควรจะคิดและอยู่อย่างสามัคคี เช่น ทำไมป่าโกงกางจึงต้องอยู่กันเป็นหมู่มาก
ฉันได้คิด ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก….
อืม…คิดออกแล้ว สมมุติว่า ป่าโกงกางอยู่กันคนละต้นจะมีความแข็งแรงทนลมแรงแค่ไหน หากไม่สามัคคีกันก็จะต้องล้มตายอย่างเห็นได้ชัด ปฏิเสธไม่ได้
ความไว้วางใจ ความสามัคคีและความเข้าใจ เปรียบเสมือนกุญแจก้าวสู่บันไดความสำเร็จในด้านต่างๆ และประสานให้ชุมชนเกิดความสันติสุข
คำอธิบาย
แบ หมายถึง พี่ เป็นคำเรียกผู้ชายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
อีแก หมายถึง ปลา
(หมายเหตุ) งานเขียนชิ้นนี้เป็นของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนนักเขียนชุมชนต้นแบบเพื่อสันติภาพในริมชายฝั่งทะเล เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2557 ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนเสริมสร้างสันติภาพ(Peace-building Partnership Facility:PPF) โครงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูชายแดนภาคใต้(ช.ช.ต.) สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา



