วัน ที่ 3 ต.ค. 57 นับเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควงพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีนายอนุสิษฐ์ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่เดินทางร่วม
การ เดินทางลงชายแดนใต้ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร หวังกำกับดูแลนโยบายการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้มอบหมายไว้ว่า มีความคืบหน้าและสัมฤทธิ์ผลเพียงใด ร่วมถึงปัญหาในการปฎิบัติงาน
“การ ปฎิบัติงานในพื้นที่นั้นเรามีคณะกรรมการระดับสูงในการขับเคลื่อน ในส่วนของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ก็จะดูแลในเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ส่วนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนาคใต้ ( ศอ.บต.) จะกำกับดูแลเรื่องการเยียวยา นอกจากนี้ยังมีในส่วนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เข้ามาดูเรื่องการสร้างสันติสุขตามยุทธศาสตร์ต่างๆ ในส่วนความพร้อมของกองทัพน้อยที่ 4 ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลงานภาคใต้ โดยเฉพาะนั้น ต้องให้เวลาในการเตรียมพร้อมเรื่องกำลังพลและยุทโธปกรณ์” พล.อ.ประวิตร กล่าว
สำหรับการพูดคุยเพื่อสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาค ใต้นั้น พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าต้องพิจารณากันอีกที ทั้งในส่วนของกอ.รมน. และ ศอ.บต. ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าในการ พูดคุย และคงต้องมีการแบ่งกลุ่มงานเพื่อรับผิดชอบ เบื้องต้นคงต้องรอให้มีการประชุมกันก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้นำนโยบาย ตามที่ท่านนายกรัฐมตรีได้ให้ไว้ ที่มีความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนทุกหน่วยราชการ นำงบประมาณต่างๆ มาลงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในโครงการต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ ให้ได้รับการพัฒนา เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อยู่ดีกินดี และเกิดสันติสุขอย่างแท้จริง
“ส่วนการเดินหน้าในกระบวนการพูดคุย เพื่อสันติสุขนั้น รัฐบาลเป็นผู้กำหนด ส่วนผู้ที่เข้าไปพูดคุยจะมีเลขาฯสมช.และผบ.ทบ.เป็นผู้กำหนด ซึ่งจะต้องมาดูอีกครั้งและร่วมกันทุกฝ่ายที่จะพูดคุย ตามกรอบ สมช.กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็จะมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถึงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นำโดย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 ให้การต้อนรับ พล.อ. ประวิตร และ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร พร้อมด้วยคณะร่วมประชุม กับหน่วยงานในพื้นที่ ก่อนมอบนโยบายและแนวทางการปฎิบัติงานแก่หน่วยในพื้นที่
ต่อมาทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ. อุดมเดช พร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยม และพบปะพี่น้องประชาชน ที่ศูนย์ปฎิบัติการอำเภอเมืองยะลา เพื่อตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปผลการปฎิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา
ระเบิดทหารคุ้มครองครูสังเวยรับ”ประวิตร”
เกิด เหตุ คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยครู เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านคลองขุด ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เบื้องต้นแรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ยังไม่ทราบชื่อถูกนำส่งโรงพยาบาลหนอกจิก จ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้กั้นที่เกิดเหตุ เพื่อนำกำลังเข้าตรวจสอบแล้ว สำหรับความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
สำหรับ ผู้บาดเจ็บ คือ ร.ต.อ.สนิท สุขแท้ อายุ 43 ปี ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าจราจร สภ.หนองจิก ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะด้านขวาและแขนขวา อาการสาหัส ส่วนอีก 2 นาย ไม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ถนน 42 หน้าโรงเรียนบ้านตลาดนัดคลองขุด หมู่ 2 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ความคืบหน้าเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ ตำรวจบริเวณโรงเรียนบ้านคลองขุด ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ล่าสุด ร.ต.อ.สนิท สุขแท้ รองสารวัตรตำรวจจราจรประจำสถานีตำรวจหนองจิก จ.ปัตตานี ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลเมืองปัตตานี และจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้กองกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งจังหวัดทำการตรึงกำลังดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับประชาชนอย่างเข้มงวดและเป็นพิเศษตลอด 24 ช.ม. เนื่องจาก มีวันสำคัญหลายวันทั้งเทศกาลฮารีรายอวันสถาปนาขบวนการพูโล และวันก่อตั้งกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น จึงทำให้กำลังเจ้าหน้าที่ต้องระวังและรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่าง เข้มงวด
กำหนดพิธีรดน้ำศพ รตอ.สนิท สุขแท้ วันที่ 3 ต.ค.57 เวลา 15.00 น. รดน้ำศพ ณ วัดมุจลินทร์ฯ ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และ เวลา 16.00 น. พิธีส่งศพทางรถยนต์ ไปยังบ้านเลขที่ 185 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช
นี่คือสถานการณ์ไฟใต้ที่ไฟยังครุ อยู่ไม่เว้นในแต่ละวัน หลังจากที่พล.อ.ประวิตรและพล.อ.อุดมเดช ลงพื้นที่มอบนโยบายแก้ปัญหา3จังหวัดชายแดนใต้ คงต้องติดตามหลังจากนี้การเจรจาสันติภาพจะดำเนินอย่างไรต่อหลังจากการลงพื้น ที่ของรัฐบาลในครั้งนี้
