หน้าแรก รายงาน

ประทีป ปิวิถะ ผลักดัน “เพลินทะเล” ของดีตานีช่วยเหลือชุมชน

จากเด็กเมืองเพชรบุรี เดินทางข้ามถิ่นมาพร้อมครอบครัวที่ทำประมงยังเมืองปัตตานีเมื่อ 46 ปี ที่แล้ว จนกลายเป็นคนปัตตานีไปด้วยความรู้สึกรักที่นี่ ญาติพี่น้องก็ย้ายมาอยู่ที่นี่กันหมด มีครอบครัวปักหลักทำมาหากินที่ปัตตานีจนลูกเรียนจบทำงานเป็นหลักแหล่ง ประทีป ปิวิถะ ผู้หญิงจิตใจดีคนนี้ก็ยังยึดมั่นใช้ชีวิตอยู่ที่ปัตตานี

ซอยนาเกลือ 18 คือที่ตั้งของโรงงานที่เธอตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อได้ช่วยเหลือให้ชาวบ้านได้มีอาชีพ ด้วยสินค้า “เพลินทะเล” ที่มีทั้งปลากรอบ ก้างปลา ไก่กอและ ปูตะกอย ผลิตภัณฑ์จากปัตตานีที่เธอพยายามผลักดันให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพด้วยการได้ รับเครื่องหมายรับรองฮาลาล เครื่องหมายสินค้าโอทอป ของดีเมืองตานี และผ่านองค์การอาหารและยา(อ.ย.)

ประทีป หรือที่คนทำงานในกลุ่มวิสาหกิจนี้เรียกว่า “แม่ครู” บอกว่า โรงงานนี้ฮาลาลร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีการปนเปื้อน เป็นการผลิตอย่างเดียว หยุดทุกวันศุกร์เพื่อให้ไปปฏิบัติศาสนกิจได้สะดวก หยุดเสาร์อาทิตย์เพื่อให้คนทำงานได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว ค่าแรงจ่ายความสามารถในการทำงานของแต่ละคน ตั้งแต่ 200-300 บาท มีกลุ่มแล่ปลา ไก่กอและ กะโป๊ะ และปลากรอบ ใครถนัดเรื่องไหนก็ทำในกลุ่มนั้น

“ตอนนี้สินค้ายังไม่ออกตัวเท่าไหร่ เรื่องการจัดสถานที่ยังไม่ลงตัว กำลังขยับขยายให้ทำอย่างละห้อง เพื่อความชัดเจนและสะดวก ใครมาชมหรือมาเรียนรู้ดูงานก็ง่ายขึ้น ลงทุนไปกับอุปกรณ์เยอะเหมือนกันเพื่อให้ได้มีมาตรฐาน”

ก่อน หน้านี้ประทีปขายเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่อนโดยลงพื้นที่เข้าไปในทุกชุมชนของ ชายแดนใต้ทำให้เห็นสภาพชีวิตยามเป็นอยู่ของพี่น้องในพื้นที่ที่ทำมาหากินตาม ฤดูกาล เมื่อธรรมชาติไม่อำนวยก็ไม่มีรายได้ เธอจึงช่วยเท่าที่สามารถทำได้เช่น การให้ข้าวสารและอาหารการกิน

“เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนสถานการณ์ในพื้นที่จะรุนแรง และเมื่อมีสถานการณ์ในพื้นที่กลับคิดว่ายิ่งลำบากยิ่งต้องช่วยเหลือกันมาก ขึ้น จากที่เคยลงไปขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในชุมชนมาทั่วชายแดนใต้ทำให้เห็นว่าพ่อแม่ ไม่ค่อยมีเวลาดูแลหรือพูดคุยกับลูก และมีครอบครัวที่เดือดร้อนอีกมาก เป็นแรงบันดาลใจให้มาทำตรงนี้ เพื่อได้ช่วยกระจายรายได้ไปยังพี่น้องเหล่านั้นบ้าง ซึ่งจะทำอะไรก็เป็นเบี้ยล่างอยู่เสมอ ถูกเอาเปรียบ หากมีการศึกษาและเรียนรู้ที่ดีก็สามารถช่วยได้เยอะ ถ้าช่วยอะไรได้ก็จะช่วย ไม่หวังผล เพราะหากไม่มาทำตรงนี้ชีวิตก็อยู่สบายแล้ว ลูกๆ เรียบจบทำงานทำการ แฟนก็ให้เงินใช้สบาย แต่ครอบครัวของคนอื่น อยากให้เขามองเราเป็นตัวอย่าง ต้องทำให้ถึงที่สุด บางทีท้อแต่ล้มไม่ได้ ต้องสู้เพื่อถึงเส้นชัย คนในกลุ่มต้องอยู่ดีกินดี เดินๆไปด้วยกัน บางครั้งถูกทางรัฐกีดกันไม่ให้ออกตลาดเหมือนกัน เขาเอาพวกเดียวกันไป การเป็นประธานจัดการกลุ่มต้องมีใจรัก ยุติธรรม เมตตา พร้อมให้อภัย ตักเตือน เหมือนเราเป็นแม่ ลูกต้องกินอิ่มทุกคน”

เมื่อ หยุดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยเรื่องของสถานการณ์ ประทีปจึงหันมาจับงานดอกไม้ประดิษฐ์โดยกระจายงานไปยังชุมชนในทุกอำเภอของ ปัตตานี และออกขายตามงานต่างๆ รวมทั้งมีออเดอร์จากเมืองนอก จนช่วงหลังที่เศรษฐกิจถดถอยดอกไม้ขายยากขึ้น ตลาดแคบลง เหตุการณ์ความขัดแย้งในบางประเทศที่ส่งดอกไม้ไปขายก็เป็นสาเหตุให้มีออเดอร์ ลดลง ซื้อบูธก็ไม่คุ้ม จึงหันมาจับตลาดอาการการกินซึ่งมีลู่ทางไปได้สวยกว่า และจากการได้ไปออกบูธมาหลายประเทศรวมทั้งในประเทศทำให้ประทีปเห็นลู่ทางการ ทำตลาดและทำการบ้านไปทุกครั้งว่าตลาดไหนต้องการสินค้าอย่างไร

“ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะไปได้สักแค่ไหน ถึงตอนนี้เรามองเห็นตลาดที่ไปได้ มีออเดอร์เข้ามา ไปออกงานต่างๆ ทำให้มองเห็นว่าที่นี่มีอนาคตแน่นอน กำลังจัดตั้งโรงเชือดฮาลาล และหาโลจิสติกส์ฮาลาลเพื่อให้ครบกระบวนการฮาลาลตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลาที่เปิดประชาคมอาเซียนก็สามารถทำตลาดได้ง่ายและกว้างขึ้น หวังว่ากลุ่มของเราจะอยู่ได้ เติบโตไปตามขั้นตอน ให้คนได้มีอาชีพ มีรายได้ ช่วยเหลือคนอื่น ครอบครัวมีความสุข อบอุ่นทั้งพ่อแม่ลูกที่ได้ทำงานและมีเวลาด้วยกัน เห็นต้นไม้ที่เพาะผลิตออกดอกออกผล สร้างต้นกล้าให้แข็งแรงอยู่ได้ ไม่ละลายไปกับฟ้าฝนหรือพายุก็เป็นความภาคภูมิใจของเราแล้ว”

“ชีวิต นี้หากตายไปก็ไม่เสียดาย ได้ไปหาประสบการณ์และทำอะไรหลายอย่างมามากพอแล้ว ที่นี่เหมือนบ้านเกิด มีความอบอุ่น ในวัฒนธรรมที่หลาหลาย มีความเป็นพี่น้อง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ไม่คิดแบ่งแยกพุทธ มุสลิมหรือจีน มีเพื่อนมุสลิมเยอะ ช่วยเหลือกันตลอด มีแม่อายุ 90 กว่า เวลาไปไหนก็ฝากเพื่อนมุสลิมช่วยดูแลแทนได้ คนที่มาทำงานด้วยก็เป็นมุสลิมที่น่ารักกันทุกคน” ประทีปกล่าวทิ้งท้าย