วัน ที่ 28 ก.พ.57 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 1 ปีการพูดคุยสันติภาพดับไฟใต้ระหว่างรัฐบาลไทยกับผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดยขบวนการบีอาร์เอ็น ทำให้มีการจัดเวทีในวาระ 1 ปีพูดคุยสันติภาพ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีโดยมี ดาโต๊ะ สรี อาห์มัด ซัมซามิน ฮาชิม ผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยชาวมาเลเซีย ขึ้นกล่าวถึงอนาคตของสันติภาพชายแดนใต้ด้วย
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากเวทีที่จัดในเชิงวิชาการ ยังมีเหตุการณ์ในลักษณะความไม่สงบเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน กล่าวคือมีบุคคลลึกลับนำป้ายผ้าเขียนข้อความเป็นภาษามลายู ตัวอักษรรูมี แปลเป็นไทยได้ว่า “สยามยังเข่นฆ่ากันเอง แล้วชาวปัตตานีจะฝากชีวิตไว้ได้อย่างไร” ติดในหลายพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมกว่า 30 จุด เช่น ตลาดนัดบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ริมทางหลวงหมายเลข 418 ฝั่งขาเข้า อ.เมืองยะลา บ้านตะโละซูแม อ.กรงปินัง จ.ยะลา รวมทั้งจ.นราธิวาส กระจายใน 6 อำเภอ คือ อ.ตากใบ ระแงะ รือเสาะ แว้ง บาเจาะ และอำเภอเมืองนราธิวาส
ส่วนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ก็มีป้ายผ้าปรากฏเช่นกัน โดยมีผู้นำไปติดรวม 4 จุด ใน 2 อำเภอ คือ อ.เทพา กับ อ.สะบ้าย้อย ทั้งนี้เนื้อความบนป้ายมีแตกต่างกันบ้าง แต่ก็เป็นแนวโจมตีรัฐไทย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการก่อกวนเชิงสัญลักษณ์ในวันครบรอบ 1 ปีการพูดคุยสันติภาพ
ขณะที่เหตุรุนแรงก็มีเหตุคนร้ายซุ่มยิงชุด ปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4404 (ร้อย ทพ.4404) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางเพื่อรักษาความปลอดภัยคณะครู ที่บ้านทุ่ง คา หมู่ 1 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ซูกอรนัย ยูโซะ อายุ 20 ปี ได้รับบาดเจ็บ
ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส คนร้ายใช้อาวุธปืนพกจ่อยิง นายมามะนอ สามะแอ อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านตือระ หมู่ 2 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก เสียชีวิตอยู่บนถนนหน้าสนามเปตงในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
กล่าว สำหรับวาระ 1 ปีของกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่ริเริ่มลงนามกันระหว่างพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไทย กับนายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำบีอาร์เอ็น ในฐานะตัวแทนฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐ เมื่อ 28 ก.พ.56 นั้น จนถึงวันนี้ ดาโต๊ะ สรี อาห์มัด ซัมซามิน อาชิม ผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุย เดินสายยืนยันทั้งในมาเลเซียและไทยว่ากระบวนการพูดคุยยังเดินหน้าต่อ
แต่ คำถามที่น่าสนใจก็คือชาวบ้านจากชายแดนใต้อย่างครูสาวจากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นราธิวาส กล่าวว่า หากจะดำเนินการพูดคุยต่อไปก็อยากให้ต่างฝ่ายนึกถึงผลที่จะตามมาของ ประชาชนว่าได้ประโยชน์อะไรบ้าง ต้องนึกถึงประชาชนเป็นสำคัญ และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาคนในพื้นที่มีความหวาดระแวงไม่เชื่อใจกัน รัฐควรวางมาตรการการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมกว่านี้ ขณะที่ฝ่ายขบวนการเคลื่อนไหวเองก็ต้องยึดมั่นในกระบวนการพูดคุย พบกันคนละครึ่งทาง และรับสภาพความเป็นจริง
ขณะที่ แนวร่วมขบวนการปลดปล่อยปาตานีที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา มองว่า หนึ่งปีของการพูดคุยสันติภาพเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ จากนั้นก็เก็บที่ละตัวๆ ตามใบสั่งอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ที่มีเหตุการณ์กราดยิงเป็นว่าเล่น ส่วนการพูดคุยต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการรักษาหน้าของตัวเอง ไม่มีการรักษากติกา พุ่งเป้าแค่ผลประโยชน์ของกลุ่ม ไม่ได้เห็นถึงผลประโยชน์ของประชาชนชาวปาตานี
อย่างไรก็ดี แนวร่วมฯรายนี้บอกว่า เห็นด้วยถ้าจะมีการพูดคุยกันต่อไป เพราะปัญหาสะสมมานาน จะสามารถยุติได้เพียงเพราะพูดคุยกันแค่ครั้งสองครั้งคงไม่ใช่ ฝ่ายบีอาร์เอ็นเองก็มีหลายกลุ่ม ไหนจะพูโลอีก กลุ่มอื่นๆ อีก แตกกันมั่วไปหมด ปัญหาในพื้นที่ก็แตกกิ่งก้านสาขาจนแทบไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่การพูดคุยรอบใหม่ทุกฝ่ายต้องทบทวนปัญหาที่ผ่านมา
นายอัลยาส ยูโซ๊ะ อายุ 37 ปี ชาวบ้านจาก อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มองสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เทียบกับในส่วนกลางว่า ตอนนี้มั่วไปหมดทั้งกรุงเทพฯและชายแดนใต้ ประชาชนทุกเพศทุกวัยทุกกลุ่มขาดความปลอดภัย ไม่มีความมั่นคงในชีวิต ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่มีความขัดแย้ง
“เมื่อก่อนเรามองว่าอยู่ ปัตตานี ยะลา หรือนราธิวาสไม่ค่อยมีความปลอดภัย เราก็หนีไปกรุงเทพฯได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้จะหนีไปไหน เพราะกรุงเทพฯก็ไม่ปลอดภัย สิ่งที่ทำได้คือพยายามทำใจและอยู่นิ่งๆ หาเลี้ยงครอบครัวไป อะไรจะเกิดกับตัวเองก็ถือว่าถึงคราว ไม่สามารถหลีกหนีไปไหนได้ เพราะทุกๆที่ก็เหมือนกัน คือคนทุกกลุ่มทุกวัยต่างตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ไม่เว้นแม้แต่เด็ก แม้แต่ผู้หญิง”
ขณะที่ นางแมะซง เจะกอบะ อายุ 43 ปี ชาวบ้านจาก อ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า ไม่มีใครสนใจประชาชนแล้ว เพราะมุ่งแต่ปัญหาการเมือง ปัญหาที่กทม.แรงขึ้นทุกวัน มีคนตายเจ็บทุกวัน เหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกอย่าง ที่ภาคใต้เหตุรุนแรงเกิดขึ้นกับเด็กและคนแก่มั่วไปหมด เด็กติดยาเสพติดอย่างหนักขึ้นทุกวัน นักการเมืองก็ไม่ทำงาน เอาแต่สร้างความขัดแย้ง ไม่คิดช่วยชาวบ้าน ผู้นำทะเลาะกันวุ่นวาย เพราะงบประมาณที่ลงมา ชาวบ้านก็ทะเลาะกันไปด้วย
“ถ้าฝากถึงคนในส่วน กลางได้ก็อยากบอกว่ายังไม่สายถ้าทุกคนจะหันมาสามัคคีช่วยเหลือกัน มองผลประโยชน์ที่จะได้เพื่อประชาชน เพราะความตายและการใช้ความรุนแรงไม่มีใครชนะ และไม่มีทางทำให้ความสงบสุขเกิดขึ้นได้จริง”
เป็นคำฝากจากชาวบ้านชายแดนใต้ที่ต้องเดินหน้าต่อเพื่อให้สันติภาพคลี่คลาย และประเทศชาติมีความสงบสุขในอนาคตข้างหน้า