คำนึง ชำนาญกิจ อาสาสมัครเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ผู้ได้รับผลกระทบจากคดีความมั่นคงจากจ.ปัตตานี ผู้ก้าวข้ามประสบการณ์จริงที่เป็นฝันร้ายของชีวิตมายืนได้โดยแข็งแรงในทุกวันนี้ พร้อมทำงานช่วยเหลือผู้อื่นเต็มศักยภาพที่เธอตั้งใจ
ผลจากการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและการทำงานของเธอ ทำให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบรางวัลสตรีดีเด่นด้านการส่งเสริมสันติภาพ เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2557 พร้อมกับ สมาคมผู้หญิงเพื่อสันติภาพ (We Peace) จาก จ.ยะลา ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นองค์กรดีเด่นด้านการส่งเสริมสันติภาพเช่นกัน โดยเข้ารับรางวัลเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2557 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี
คำนึงเป็นชาวนครศรีธรรมราช ที่มาปักหลักใช้ชีวิตพร้อมสามีชาวปัตตานีมาเป็นเวลา 30 ปี และตั้งใจอยู่ที่ปัตตานีไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ
เรื่องราวที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคำนึงเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 ก่อนหน้านี้เธอเปิดร้านขายอาหารที่ถนนโรงอ่างในตัวเมืองปัตตานี วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่มาปิดล้อม ตรวจค้นพบถุงพลาสติกใส่วัตถุประกอบระเบิดในถังสีหลังร้านของเธอ สามีและลูกชายของเธอถูกจับกุมไปด้วยข้อหาเป็นผู้ผลิตวัตถุระเบิด ต่อมาศาลยกฟ้องเพราะไม่พบลายนิ้วมือของทั้งสองในวัตถุพยาน แต่ความจริงยังไม่ปรากฏว่าลายนิ้วมือที่ปรากฏนั้นเป็นของใคร
“ยังจำวันนั้นได้ดี 19 มิถุนายน 2550 ประมาณสามทุ่มครึ่ง เราอยู่กันทั้งหมดในบ้าน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารประมาณ 30 คนอาศัยกฎอัยการศึกมาปิดล้อมบ้าน เขาบอกพบวัตถุประกอบระเบิดในถังสีที่อยู่หลังร้าน แล้วเอาตัวสามีและลูกชายไปแถลงข่าวออกสื่อทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ว่าทั้งสองคนเป็นผู้ต้องหา ต้องหาเงินประกันห้าแสนบาท ไปหยิบยืมมาจากญาติพี่น้อง เดินเรื่องขอความเป็นธรรมจากทุกหน่วยงาน ยื่นคำร้องขอประกันตัวชั่วคราวเพราะสามีเป็นโรคหอบ เขาอยู่ในเรือนจำ 2 เดือนได้ประกันตัวอออกมา 12 วัน แล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง ส่วนลูกชายอยู่ในเรือนจำ 3 เดือนจึงได้ประกันตัวออกมากับเงินประกันอีกห้าแสนที่ยืมเขามาอีกรวมเป็นหนึ่งล้าน”
เมื่อเหตุร้ายมาเยือน ลูกค้าที่เคยอุดหนุนก็เริ่มหดหาย ด้วยความหวาดระแวงไม่กล้าเข้าร้าน เธอขายของไม่ได้ รายได้ลดลงฮวบฮาบจนค้าขายอีกไม่ได้ จากเคยมีรายได้วันละหลักพันลดลงจนขายไม่ได้เลย การประกันตัวลูกชายออกมาสู้คดี ทำให้มีค่าใช้จ่ายก้อนโตตามมา เธอต้องจ่ายค่าทนายความอีก 2 แสนด้วยการยืมเงินนอกระบบ แล้วเอาโฉนดที่ดินไปจำนองธนาคารเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด เหลือเงินไม่มากเป็นค่าเดินทางตามประเด็นไปขึ้นศาลที่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดนครราชสีมาที่เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมสามีและลูกทำงานย้ายไปทำงานอยู่ จนวันที่ 23 มิถุนายน 2553 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องระบุว่าโจทก์อ้างไม่สมเหตุผล เธอจึงยื่นอุทธรณ์รออีก 5 เดือน คดีจึงสิ้นสุด
“เขาไม่ลงมาขึ้นศาลที่นี่เพราะบอกว่าผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาต ค่าใช้จ่ายก็เยอะแต่ต้องไปเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และทวงถามความยุติธรรมให้สามีและลูก ต้องปิดร้าน ขายบ้าน เอาบ้านจำนองธนาคารไว้ 4 แสนบาท พอไม่มีคนเข้าร้านก็ไม่มีรายได้ ผ่อนไม่ทัน ยอมขายบ้านไปถูกๆ เอาเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายต่างๆ มาซื้อที่ดินที่ ม.2 บ้านปะกาฮะรังที่มีน้ำท่วมตลอดเวลาฝนตกหนักแต่ก็ยอมทนอยู่มาจนทุกวันนี้”
บ้านที่เธอและครอบครัวอาศัยในปัจจุบันที่ปะกาฮะรัง เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซ้อน ท่วมทุกครั้งที่ฝนตกหนัก บ้านเธอจึงไม่พ้นจากความทุกข์นี้ บางครั้งน้ำท่วมสูงถึงหน้าอก เจ้าของที่ดินไว้วางใจโอนชื่อให้ก่อนแล้วเธอเอาโฉนดไปจำนองธนาคารเอาเงินมาจ่ายค่าบ้านจนหมด เธอจึงยังต้องผ่อนค่าบ้านกับธนาคารอีกเดือนละ 2 พันบาท จากแม่ค้าขายข้าวแกงจึงหันไปทำการเกษตรแบบพอเพียงด้วยการปลูกกล้วย ข้าวโพด เลี้ยงเป็ดและไก่ เลี้ยงปลา คำนึงวาดหวังอยากได้ที่ทำมาค้าขายในอาชีพที่ถนัดเช่นเดิม หากต้องใช้เวลาอีกสักพัก
“อัลลอฮฺให้เราทุกอย่างในการทำมาหากิน เพียงแต่เป็นอาชีพที่ไม่ถนัด แต่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว ตอนนี้เริ่มดีขึ้น สามีก็ทำงานรับเหมาทำประปา ลูกชายคนโตทำงานและมีครอบครัว ส่วนลูกชายคนเล็กก็จบม.ปลายแล้ว”
แม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ผ่านไปหลายปี หากมีสองสิ่งที่เป็นกำลังใจให้คำนึงก้าวข้ามฝ่าฟันอุปสรรคของชีวิตมาได้คือ ความยึดมั่นในหลักศาสนาอิสลามมาเกือบ 30 ปีและกำลังใจจากครอบครัวทั้งสามีและลูก
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นการทดสอบของอัลลอฮฺต่อการเข้ารับอิสลามของเราว่าจะอดทนได้แค่ไหน ขอดุอาอฺทุกอย่างกับอัลลอฮฺและจะอดทนต่อไปเพื่อสักวันหนึ่งอัลลอฮฺจะคืนความสุขสบายกลับมาให้อีกครั้ง รวมทั้งมีครอบครัวที่เข้าใจและอบอุ่น พูดคุยกันเสมอเป็นกำลังใจให้เอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้”
ทุกวันนี้ “ความเป็นธรรม” ยังเป็นสิ่งที่เธอและครอบครัวต้องการเพื่อยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงความบริสุทธิ์ของสามีและลูก หากความว่างเปล่าคือสิ่งที่เธอได้รับ เมื่อรัฐมีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคดีความมั่นคงในเรื่องเศรษฐกิจด้วยการจ่ายเงินชดเชยรายวันเท่ากับที่ถูกควบคุมตัว หากการพิสูจน์ความจริงให้ได้ว่าลายนิ้วมือเป็นของใครเป็นสิ่งสำคัญกว่า แม้จะมีเอกสารยืนยันจากศาลว่าไม่มีลายนิ้วมือของสองพ่อลูกแล้วก็ตาม
“อยากให้คนทำผิดได้รับรู้ว่า การสูญเสียศักดิ์ศรีโดยไม่ได้ทำผิดมันเจ็บปวดแค่ไหน สายตาของสังคมตัดสินเราไปแล้วจากข่าวที่ได้รับ การสูญเสียโอกาสในการทำมาหากินและอีกหลายอย่างในชีวิต แม้จะเยียวยาอย่างไรก็ไม่เท่ากับทำความจริงให้ปรากฏ หาความเป็นธรรมมาพิสูจน์ให้ชัด เราถึงจะยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าเทียมกับคนอื่นอีกครั้ง”
ทุกวันนี้ คำนึงทำงานประสานกับหลายภาคส่วน ร่วมช่วยเหลือผู้ที่ยังจมกับความทุกข์กับสถานการณ์ให้ยืนได้ด้วยตัวเองกับเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้
“เราต้องสู้ เรียกร้องสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กลับคืนมา การเป็นคนกลางไม่เข้าข้างฝ่ายไหนคือสิ่งที่ทำอยู่ เพื่อเชื่อมความเข้าใจของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านให้ตรงกัน เราได้ส่งเสียงของผู้หญิงในพื้นที่ให้ดังสู่สังคมให้ได้รับรู้โดยความนุ่มนวลว่า มีเรื่องจริงอีกมากในพื้นที่ที่อยากสื่อสารออกไป”
“เรื่องของสันติภาพเป็นเรื่องที่ทำคนเดียวไม่ได้ เก่งคนเดียวไม่ได้ ทุกคนทุกกลุ่มทุกองค์กรต้องมาช่วยกันผลักดัน เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ในเรื่องนี้ เมื่อมีการขัดแย้งให้ถอยออกมาก่อนแล้วค่อยหาวิธีพูดคุย หากคุยไม่ได้ให้หาคนกลางมาช่วยเพื่อลดความขัดแย้ง ต้องมีความหวังว่า สันติภาพต้องเกิดในสามจังหวัดชายแดนใต้อย่างแน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็ว ให้ใจของแต่ละคนลดทิฐิ ลดความโกรธแค้น ความเกลียดชัง เพื่อให้เกิดสันติภาพในใจ ในครอบครัว ลดความขัดแย้งในครอบครัว ให้ครอบครัวแข็งแรง สังคมก็จะแข็งแรงได้ เหมือนเราจะทำเรื่องยาเสพติด แต่ถ้าลูกหรือคนในครอบครัวเรายังติดยาแล้วใครจะเชื่อจึงต้องทำให้ครอบครัวดีก่อนแล้วขยายไปยังส่วนอื่น”
“แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ยังอยากให้มีการพูดคุยสันติภาพต่อเพื่อลดความขัดแย้งในพื้นที่นี้ให้ได้ และให้ภาคประชาสังคมเข้าไปมีบทบาทด้วยและให้จบลงด้วยสันติภาพจริง ทุกวันนี้คนที่ได้รับผลกระทบคือผู้บริสุทธิ์ทั้งพุทธและมุสลิม โหดร้ายที่สุดคือการกระทำต่อเด็กที่บริสุทธิ์ ทั้งที่เขามีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตเติบโตต่อไป”
คำนึงกล่าวถึงความรู้สึกกับรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ว่า “การทำงานที่ผ่านมาไม่ได้คิดถึงรางวัลอะไรเพราะทำด้วยความตั้งใจของเรา รางวัลที่ได้รับเป็นความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า และเป็นรางวัลที่ต้องมอบให้กับเพื่อนๆ ในเครือข่ายฯ ทุกคน หากไม่มีเครือข่ายฯ ก็ไม่มีเรามายืนตรงจุดนี้ ทุกคนมีความสำคัญท่ากันหมด การทำงานให้สำเร็จจึงเป็นความภาคภูมิใจที่สุด”
ความเป็นจริงอันเจ็บปวดที่เธอและครอบครัวได้รับคือ ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ได้รับการสะสางและชัดเจน เชื่อมั่นว่า เรื่องราวทำนองเดียวกันที่เกิดขึ้นมากมายในดินแดนแห่งนี้ ควรและคงได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน เป็นความจริงที่ทุกคนต้องรอคอย