หน้าแรก รายงาน

ความทรงจำดีๆ ที่สายบุรี กับชีวิตจริงในวันนี้ของ “อ้อย-อรรถยา”

ความสุขในอดีตที่บ้านเตราะแก่น ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ยังคงอยู่ในความทรงจำของ อรรถยา หนักทอง หรือ อ้อย เสมอ ความสุขนั้นยังคงมีอยู่และเธอใฝ่หาที่จะกลับไปใช้ชีวิตเช่นนั้น และพยายามทำทุกอย่างในทุกวันนี้อย่างมีสติและให้ดีที่สุดเท่ามีความสามารถ

ทุกวันนี้อ้อยใช้ชีวิตอยู่ในตัว อ.เมืองปัตตานี ย่านถนนมะกรูด กับการเป็นหุ้นส่วนคลื่นวิทยุ 96.75 และ 102 new wave เป็นคลื่นวิทยุที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและชุมชนที่ไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ในพื้นที่ ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่ขอความร่วมมือ จิตอาสาในเรื่องต่างๆ งานอสม. และงานขายประกัน อ้อยเล่าเรื่องราวตอนใช้ชีวิตวัยเด็กที่สายบุรีให้ฟังว่า

“ตอนเด็กๆ ในหมู่บ้านที่มีเพื่อนบ้านที่เป็นคอมมิวนิสต์ ตอนค่ำต้องดับตะเกียงเป็นเวลาและไม่ออกไปไหนแต่เขาไม่ได้ทำร้ายใคร กลางวันก็เป็นปกติ เวลามีงานแต่งงานในชุมชน วันแรกจะเป็นครัวมุสลิม วันที่สองเป็นครัวไทย เจ้าภาพจะสิ้นเปลืองสักหน่อยเพราะต้องเลี้ยงสองครัว เวลากลับไปบ้านมีเพื่อนรักของพ่อสองคนที่จะรู้ว่าเรากลับก็จะเอาของกินมาให้ ที่บ้านทำนา ทำสวน มีผักหรือของกินที่อยากขายก็เก็บแขวนใส่ถุงไว้ที่รั้วบ้าน จะมีพ่อค้ามุสลิมที่ขายของแบบรถกับข้าวเร่มาซื้อเกือบทุกวัน แขวนของไว้เขาก็เอาเงินใส่ถุงไว้หรือหากเจอกันเขาก็จะถามว่าวันนี้เอาอะไร แล้วเอาของที่เรามีไปแลกกัน ที่บ้านสายบุรียังอยู่ด้วยกันดีมีความสุขจนถึงทุกวันนี้”

หลังจบชั้นม.3 ที่สายบุรี อ้อยเข้ามาเรียนชั้น ปวช.ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี ที่นี่เธอได้พบกับหนุ่มมุสลิมชาวนครศรีธรรมราชที่ครอบครัวมาปักหลักทำมาหากินในปัตตานี คบหากันมาเมื่อจบปีสามจึงแต่งงานกัน ใช้ชีวิตร่วมกันมายี่สิบกว่าปี มีลูกสาวสองคน จนเมื่อปี 2553 มัจจุราชร้ายก็มาพรากชีวิตสามีของเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ

“แฟนทำธุรกิจส่วนตัว ถูกยิงเมื่อเดือนสิงหาคม 2553 เจ้าหน้าที่ยังสรุปคดีหาหลักฐานไม่ได้ว่าเกิดจากเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอื่นจนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องก็ย้ายไปแล้ว เกิดเหตุแรกๆ กลัวมาก ไม่กล้าไปไหน ขับรถออกปากซอยยังไม่กล้า ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คิดยังไงกับเรา เพื่อนต้องช่วยไปส่งลูกไปโรงเรียนเป็นเดือนกว่าจะปรับตัวได้ ก่อนนั้นเคยคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เกิดนอกเมือง แต่เมื่อเกิดกับตัวเอง จึงต้องระวังตัวมากขึ้น”

อ้อยบอกว่าหลังเกิดเหตุร้ายในชีวิต เธอก้าวข้ามมาได้ด้วยกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือดูแล

“มีเพื่อนที่ดีมาก เป็นเพื่อนที่มาเจอตอนทำงาน ดูแลมาตลอดทั้งสุขภาพ ส่งข้าวส่งน้ำ ทุกวันนี้ไม่ต้องซื้อข้าวกิน เขาจะทำเผื่อด้วยหนึ่งมื้อทุกวัน กินจนอ้วน เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันในบ้านในเมืองก็ดีมาก เราอยู่ร่วมกันทั้งพุทธและมุสลิม มีอะไรก็แบ่งปันกัน เวลาพ่อแม่มาหาก็จะเอาผักผลไม้มาแบ่งปันกันตลอด

เวลาเหนื่อยถึงรู้ว่าพอไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง ชีวิตมันเหนื่อยมาก เราจะคิดผิดคิดถูกก็ไม่รู้ บางเรื่องจะไปคุยกับใครไม่ได้ ต้องใช้เวลา แต่ต้องทำตัวเหมือนปกติเพียงแต่ไม่มีเขาอยู่ ไม่คิดมากคิดว่าเหมือนเขาไปทำงานแล้วยังไม่กลับ ลูกสาวคนโตก็รับรู้และทำใจได้ ลูกสาวคนเล็กติดพ่อมาก ตอนพ่อเขาเสียเขารู้ตอนเอาศพไปฝังที่นครศรีธรรมราช คุยให้เขาฟังอย่างเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและครอบครัวเราต้องอยู่ได้ เขาร้องไห้วันเดียวแล้วเข้มแข็ง ตอนนี้อยู่ชั้นป.5 แต่ความคิดความอ่านไปไกล ส่วนลูกสาวคนโตจบปริญญาตรี ทำงานที่หาดใหญ่”

เธอบอกกับลูกว่าต้องอยู่กันให้ได้ ไม่ตอกย้ำในสิ่งผิดๆ คุยด้วยเหตุผล บางอย่างที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ ไม่ได้ให้ของเพื่อทดแทนพ่อที่ไม่อยู่ และยังไปมาหาสู่กับครอบครัวสามีที่นครศรีธรรมราชเหมือนเดิม

เมื่อถามถึงการใช้ชีวิตในปัตตานีปัจจุบัน อ้อยบอกว่าใช้ชีวิตที่นี่มาตั้งแต่เกิดอย่างปกติ มีความปลอดภัยในระดับนึง

“ทั้งพุทธและมุสลิมยังอยู่ด้วยกันได้ แบ่งปันมีน้ำใจกัน ไม่คิดย้ายไปไหน บ้านที่อยู่แม่แฟนก็ยกให้ ชีวิตที่นี่มีความหลากหลาย คิดไว้คืออยากกลับไปอยู่บ้านที่สายบุรีเพื่อดูแลพ่อแม่ที่แก่ตัวลง ยังทำหน้าที่ลูกได้ไม่เต็มที่ด้วยการงานและลูกที่ยังเล็กอีกคน คิดว่าในอนาคตต้องทำให้ดีกว่านี้”