หน้าแรก รายงาน

“กลุ่มรอยยิ้มปลายด้ามขวาน” เสนอตั้ง “พรรคการเมืองเดียว” แก้ปัญหาชายแดนใต้

จากการนั่งพูดคุยกัน 2-3 คนในร้านน้ำชาของตัวเมืองยะลา ว่าจะทำอะไร อย่างไรในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ทำให้ก่อเกิด “กลุ่มรอยยิ้มปลายด้ามขวาน” เมื่อปี 2555

“วิสันต์ เข็มเพ็ชร์” และ “สมปอง ไหมคง” คือแกนนำหลักในกลุ่มที่อยากเห็นรอยยิ้มของผู้คนในพื้นที่มีให้กันเช่นเดิม จึงเริ่มขยายความคิดออกไปยังหลากหลายกลุ่มในเมืองยะลา ส่วนใหญ่สมาชิกในกลุ่มเป็นพ่อค้าแม่ค้า ผู้ได้รับผลกระทบและคนที่สนใจอยากให้พื้นที่สงบสุขเช่นเดิม มารวมกลุ่มกันเพื่อให้มีรอยยิ้ม จึงตั้งชื่อกลุ่มว่า รอยยิ้มปลายด้ามขวาน มาคุยกันถึงปัญหาเพื่อความสบายใจ สอนสิ่งที่ดีให้เหมือนปรัชญาของในหลวง เพื่อช่วยบรรเทาลงบ้างในเรื่องสังคม เศรษฐกิจ การเมือง
“เราวางแผนจัดนำเที่ยวเป็นกลุ่มโดยครั้งแรกเป็นกลุ่มคนพุทธ พาไปไหว้พระ 9 วัดในภาคกลางเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ครั้งที่สองเป็นกลุ่มมุสลิม พาไปดูงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่ศูนย์พัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส ครั้งที่สามพาไปถวายพระพรวันแม่ และไปสักการะพระศพพระสังฆราชและชมการบันทึกรายการตีสิบ รวมทั้งไปเที่ยวกาญจนบุรี ซึ่งงบประมาณในแต่ละครั้งขอความร่วมมือจากสมาชิก หน่วยงานสนับสนุน ขาดเหลือก็เป็นคณะกรรมการช่วยกันออก 3-4 เดือนก็จัดกิจกรรมกันครั้งนึง สมาชิกมีทุกศาสนา เป็นใครก็ได้ เมื่อมีกิจกรรมอะไรก็ช่วยกันเต็มที่”
วิสันต์บอกว่า ตอนนี้เริ่มขยับขยายสร้างเครือข่ายกลุ่มไปทีละตำบล สร้างกลุ่มไปเรื่อยๆ แต่ไม่ง่ายด้วยหลายปัจจัยเพราะสังคมมีปัญหาที่เปรียบเหมือนถึงรากแก้วแล้ว ต้องใช้เวลานานในการแก้ไข จากจุดประสงค์ที่อยากให้ทุกคนมองหน้าและอยู่กันได้เหมือนเดิมด้วยรอยยิ้ม คุยกันโดยไม่เกิดปัญหา

“บ้านเรามีปัญหาเต็มที่แล้ว รัฐหรือฝ่ายไหนไม่ได้ช่วยเราเลย ยิ่งส่งคนไม่ดีมาปกครองบ้านเมืองเรายิ่งไปกันใหญ่ ทำให้สังคมมองที่นี่ในทางไม่ดีตลอด แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชาวบ้านคนที่นี่อยู่กันเหมือนที่อื่น แต่พวกข้าราชการต่างหาผลประโยชน์เข้าตัว อย่างข้าราชการยศน้อย มีบ้านหลังใหญ่ รถยนต์สองสามคัน ถ้าไม่รวยมาก่อนก็คงมีสิ่งเหล่านี้ได้ยาก ต้องอาศัยวิชามารมาแทรก ที่นี่จึงเป็นขุมทรัพย์ที่ทุกคนอยากเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ ด้านการเมืองก็ไม่ดี มองแต่ผลประโยชน์ ภาครัฐก็เอาผลประโยชน์กับประชาชนมากเกินไป โครงการที่ส่งมาก็จัดการเอาบริษัทมาจัดการเองหมด กินผลประโยชน์เอง รวมทั้งไม่ได้ถามความเห็นประชาชนถึงความต้องการที่แท้จริงในแต่ละโครงการที่ลงไปในพื้นที่เพราะเห็นแต่ผลประโยชน์”

ปัญหาที่มีในพื้นที่นอกจากเรื่องของสถานการณ์แล้ว พวกเขาบอกว่ายังมีอีกสารพันปัญหาทั้งน้ำมันเถื่อน ยาเสพติด การพนัน ที่สมปองบอกว่า หากจัดการกวาดล้างจริงจังเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ก็หายไปจากพื้นที่

“อย่างน้ำมันเถื่อนถ้ากวาดล้างจริงจังก็หมดแล้ว แต่มีการเวียนเทียนเก็บส่วย ทำไมไม่ปราบให้สิ้นสุด บางปั๊มก็ใช้น้ำมันเถื่อนทั้งปั๊ม มีซ่องเต็มพื้นที่ หวยใต้ดิน ยาเสพติดระบาดทุกชุมชน แต่ยังมีป้ายปลอดยาเสพติด รัฐเอื้อให้กลุ่มพวกนี้ด้วยผลประโยชน์ เป็นปัญหารวมในพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้งจากการจัดการผลประโยชน์ไม่ลงตัว หรือหากลงตัวก็อยากได้อีก พื้นที่นี้เสียเปรียบที่อื่นทุกอย่าง แต่มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ทุกอย่างสมบูรณ์แต่เรายังไปได้ช้ากว่าที่อื่น”

ความเป็นคนไทยทุกคนที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยนับว่าเป็นแผ่นดินที่มีอิสรเสรีภาพอย่างยิ่ง ทุกคนทุกศาสนามีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน สามารถไปทำมาหากินตรงไหนก็ได้ในแผ่นดินนี้ สมปองบอกว่านับว่าเป็นเสรีภาพที่เบ่งบานมาก

พวกเขาเสนอทางออกในการแก้ปัญหาในพื้นที่ด้วยการรวมตัวกันของพี่น้องทุกคนเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่เป็นของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง

“ทางออกคือต้องใช้การเมืองมาก่อน อยากให้คนในสามจังหวัดรวมตัวกันเป็นหนึ่งพรรคการเมือง ใช้ชื่อพรรคที่เป็นกลาง ชูหัวหน้าที่ประชาชนยอมรับหรือมีเวทีประชาพิจารณ์เพื่อคัดสรรความเป็นหนึ่งเดียวโดยมีนักวิชาการช่วยกันจัดทำ ทุกคนช่วยกันลงคะแนนเสียงให้พรรคเดียวก็จะได้ส.ส.ทั้งหมด ให้ได้มีบทบาทร่วมรัฐบาลเพื่อนำงบประมาณลงมาพัฒนาในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ เมื่อการเมืองดี เศรษฐกิจดี สังคมดี ปัญหาที่มีอยู่ในพื้นที่ก็จะลดน้อยลง การเมืองดีจะไม่ทะเลาะกันมาก ร่วมมือร่วมใจคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง สร้างรอยยิ้มให้แก่กัน รอยยิ้มทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายและคลี่คลาย มีรอยยิ้มให้กันทุกวัน มองทุกคนเหมือนกัน บ้านเมืองก็จะเกิดสันติสุขขึ้น”