เครือข่ายนักศึกษาและอาจารย์ชายแดนใต้รวมพลังวิจัยสร้างความรู้สนองตอบท้องถิ่น สกอ.จับมือสถาบันรามจิตติหนุนมหาวิทยาลัย “สร้างเรียนรู้เพื่อรับใช้ชุมชน” อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายนักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี(ม.อ.ปัตตานี) มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และมหาวิทยาลัยฟาฏอนี รวมพลังนำเสนอความก้าวหน้าการดำเนินงานวิจัยของนักศึกษาในเวที “ประชุมติดตามความก้าวหน้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัย” ในโครงการเครือข่ายวิจัยสังคมระดับปริญญาตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (SURN) โดยความร่วมมือระหว่างสถาบันรามจิตติและ 3 มหาวิทยาลัย ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) โดยมี ผศ.พัชรียา ไชยลังกา รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.อ.ปัตตานี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติและผู้แทนจากสกอ. ผศ.สนั่น เพ็งเหมือน ผู้อำนวยการสถานวิจัยพหุวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผู้บริหารมหาวิทยาลัย และแกนนำคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วมเวที โดยมีการนำเสนองานวิจัยของนักศึกษาพร้อมด้วยกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เติมพลังนักศึกษาและอาจารย์
โครงการเครือข่ายวิจัยสังคมระดับปริญญาตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (SURN) มุ่งสนับสนุนให้นักศึกษาดำเนินการวิจัยสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต่อยอดเป็นปีที่ 2 โดยเน้นการเอาข้อมูลสภาวการณ์ของชุมชนเป็นฐานในการตั้งโจทย์วิจัย และเน้นให้นักศึกษาใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยการวิจัยในการค้นหาและสร้างความรู้บนความร่วมมือกับชุมชนต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาของแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันเน้นให้อาจารย์มหาวิทยาลัยใช้กระบวนการเรียนรู้ผ่านการวิจัยเป็นเครื่องมือพัฒนาการเรียนการสอน พัฒนานักศึกษาในสาขาต่างๆ รวมถึงใช้เป็นกิจกรรมทางเลือกให้นักศึกษาเรียนรู้กับชุมชนเพื่อชุมชน ที่สำคัญคือการอาศัยการรวมพลังความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาร่วมขับเคลื่อนการทำงานในฐานะโหนดวิจัย โดยในปีนี้มีม.อ.ปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยฟาฏอนีเข้ามาร่วมทำงานแบบรวมพลังกันเป็นเครือข่ายมหาวิทยาลัยวิจัยเป็นปีที่ 2 ที่ต่อยอดการทำงานจากปีที่แล้ว
ภารกิจปีนี้เป็นการยกระดับการทำงานทั้งในแง่การสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยมีกลไกการพัฒนานักศึกษาโดยผ่านกระบวนการวิจัยและเรียนรู้ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น การพัฒนาเครือข่ายคณาจารย์และบุคลากรด้วยกลไกวิจัยและการจัดการความรู้ การมีระบบพี่เลี้ยงวิจัยของมหาวิทยาลัย และใช้พลังของสถาบันอุดมศึกษาร่วมเป็นเครือข่ายสร้างพลังสร้างการเรียนรู้และสร้างความรู้เพื่อสนองตอบต่อการพัฒนาท้องถิ่นในบริบทที่ต่างกัน ปีนี้จึงมีทั้งการขยายผลเครือข่ายนักศึกษาและเครือข่ายคณาจารย์ที่เข้ามาร่วมกระบวนการเรียนรู้ด้วยการวิจัยจากสาขาต่างๆ อาทิเช่น สาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชาพัฒนาสังคม สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ สาขาวิชาชีววิทยา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป สาขาวิชานิติศาสตร์ เป็นต้น และกิจกรรมทางเลือกสำหรับนักศึกษาชมรมจากมหาวิทยาลัย ต่างมาร่วมกันดำเนินโครงการวิจัยของนักศึกษา 49 โครงการ นักศึกษากว่า 300 คนเข้าร่วมโครงการซึ่งยังไม่นับเด็กเยาวชนและชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาร่วมในกระบวนการวิจัยที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการอีกด้วย
ดร.จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ ทีมประสานเครือข่ายวิจัยด้านเด็ก เยาวชน และการเรียนรู้ ผู้ประสานหน่วยงานภาคีนโยบายสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่ให้การสนับสนุน โครงการนี้ กล่าวว่า สถาบันรามจิตติซึ่งได้ทำงานร่วมกับภาคีหลายฝ่ายในการร่วมขับเคลื่อนการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาเด็กเยาวชนและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี เห็นพลังของการเรียนรู้ของคนในกลุ่มวัยต่างๆ ที่ต่างเป็นพลังการเรียนรู้ที่มีคุณค่า
“กลุ่มเยาวชนนักศึกษาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นพลังที่สำคัญ ทั้งด้วยวัยที่ยังเป็นวัยรุ่นเปี่ยมพลัง ด้วยโอกาสทางการศึกษาที่อยู่ในระดับอุดมศึกษา ด้วยการมีหน่วยสนับสนุนทั้งอาจารย์ มหาวิทยาลัย ชุมชนต่างๆ ที่พร้อมจะเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้นักศึกษา เราเห็นพลังของคณาจารย์ที่ยังเต็มไปด้วยอุดมการณ์และไฟการเรียนรู้ที่พร้อมจะติดสว่างเบิกทางให้เด็ก เห็นพ่อแม่ชาวบ้านชุมชนต่างๆ ที่กำลังตั้งคำถามกับวิกฤตของระบบการศึกษา รวมถึงสิ่งที่กำลังท้าทายกับการทำงานในรอบหลายๆ ปีเพื่อความมั่นคงของชีวิตและอนาคตของคนชายแดนใต้ จึงมองว่าจำเป็นยิ่งที่จะทำให้โครงการเครือข่ายวิจัยสังคมระดับปริญญาตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (SURN) เข้ามาช่วยตอบโจทย์ในหลายเรื่องได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำลังคนรุ่นใหม่ทั้งนักศึกษา คณาจารย์ที่เป็นนักเรียนรู้ นักค้นคว้า นักคิดนักสร้างสรรค์และทักษะสำคัญๆ ที่เรากำลังพูดถึงกันมากในศตวรรษที่ 21
แต่มากกว่านั้นเรากำลังร่วมกันกับเครือข่ายคนเครือข่ายความรู้ในการออกแบบการเรียนรู้หรืออุดมศึกษาที่เราอยากเห็นว่า จะเป็นอุดมศึกษาที่จะสร้างปัญญาสร้างคุณค่าให้กับคนในพื้นที่ เป็นมหาวิทยาลัยที่เด็กมาเรียนและไม่ดึงเขาแปลกแยกจากชีวิตจริง เรียนรู้เพื่อจะใช้ความรู้ทฤษฎีไปอย่างมีความหมายไม่ใช่แค่ใช้ในชีวิตแต่ใช้เพื่อรู้จักคิดรู้จักใช้ และเพื่อรับใช้สร้างสรรค์สังคมที่เขาอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ดูจะเต็มไปด้วยเงื่อนไขหลายอย่างที่เรากำลังพูดเรื่องความไม่สงบ ความไม่มั่นคง แต่สิ่งที่เด็กๆ และอาจารย์กำลังทำ คือการก้าวข้ามเงื่อนไขที่กำลังฉุดรั้งการเรียนรู้ด้วยมายาคติต่างๆ แต่กำลังก้าวออกไปสู่การเรียนรู้ที่มีความหมายและใช้พลังใช้ศักยภาพที่มีเพื่อสร้างสรรค์การเรียนรู้และสร้างสรรค์สังคม รวมไปถึงการเชื่อมต่อการเรียนรู้ไปสู่ภาคส่วนต่างๆ ทั้งการเรียนรู้ในระบบ นอกระบบ และการเรียนรู้ในชุมชนท้องถิ่นหรือการเรียนรู้ร่วมกันของทั้งสังคม”
ดร.เรชา ชูสุวรรณ หัวหน้าโครงการเครือข่ายวิจัยสังคมระดับปริญญาตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (SURN) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมว่า โครงการ SURN เป็นโครงการที่ให้ทุนนักศึกษาทำวิจัย มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมพลังมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่กิจกรรมตั้งหลักคิดตั้งทิศตั้งโจทย์ จนมาสู่กิจกรรมติดตามงานเป็นระยะๆ หลังจากที่นักศึกษาและอาจารย์พี่เลี้ยงได้ร่วมกันทำวิจัยร่วมกับชุมชน
“มีโครงการวิจัยที่น่าสนใจหลากหลายสาขาโดยมีอาจารย์เป็นพี่เลี้ยงและร่วมเรียนรู้ไปกับนักศึกษา ในแง่เนื้อหาองค์ความรู้ก็จะมีหลากหลายมิติ เช่น มิติสิ่งแวดล้อม เรื่อง Zero Waste ขยะเท่ากับศูนย์ มิติวิทยาศาสตร์ เรื่องการผลิตแก๊สชีวภาพจากน้ำทิ้งในกระบวนการแปรรูปน้ำยาง มิติเศรษฐกิจ การแปรรูปมะม่วงหาวมะนาวโห่เพื่อชุมชนบ้านโสร่ง การพัฒนาชุมชน การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการจัดการบริหารจัดการขยะ มิติสังคม เรื่องแม่วัยรุ่น แม่วัยรุ่นกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปฯลฯ ประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่เพียงแต่เป็นองค์ความรู้เชิงเนื้อหา แต่สิ่งสำคัญเป็นกระบวนการที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ร่วมกับชุมชน อาจารย์ร่วมในกระบวนการดังกล่าวด้วย ซึ่งทำให้การเรียนรู้กว้างกว่าตำรา กว้างกว่าห้องเรียน เป็นการเรียนรู้ในสนามการเรียนรู้จริงของเด็กๆ โดยถัดจากนี้เป็นสิ่งท้าทายว่าเราจะถอดความรู้ที่ไม่ใช่แค่องค์ความรู้ที่หลากหลายในมิติต่างๆ แต่จะถอดบทเรียนจากความรู้และการเรียนรู้ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในตัวนักศึกษา คณาจารย์ และกลไกร่วมของมหาวิทยาลัย รวมถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับชุมชนท้องถิ่นอย่างไรด้วย ซึ่งมั่นใจมากว่า การศึกษาดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือที่ดีของการพัฒนาคนและพัฒนาสังคมโดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนใต้ของเรา”
ด้าน ผศ.พัชรียา ไชยลังกา รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.อ.ปัตตานี ผู้นำโหนดขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยวิจัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ”การพัฒนาคนในระดับอุดมศึกษาเป็นการเตรียมกำลังคนเพื่อไปสู่การพัฒนาสังคม และความต้องการสำคัญคือการคืนคนที่มีคุณภาพกลับสู่ชุมชนเพื่อพัฒนาสังคม พัฒนาพื้นที่ที่เป็นถิ่นฐานบ้านเกิด ดังนั้นการเรียนรู้ที่สำคัญต้องมีเป้าหมายกิจกรรมการเรียนรู้ที่กลับไปเรียนรู้และรับใช้ชุมชน สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยพัฒนาทั้งนักศึกษาและอาจารย์ไปในทิศทางที่มหาวิทยาลัยได้เล็งเห็นความสำคัญร่วมกัน ต้องขอบคุณสกอ.ที่ได้สนับสนุนมหาวิทยาลัยในพื้นที่ รวมถึงสถาบันรามจิตติที่มาร่วมขับเคลื่อนงานในโครงการนี้ เป็นความท้าทายของม.อ.ปัตตานีที่จะมีบทบาทในการเป็นหน่วยกลางเชื่อมโยงการทำงานและพลังเครือข่ายขับเคลื่อนการเรียนรู้ของนักศึกษาเพื่อนักศึกษา เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และเพื่อชุมชน”
อาจารย์ลิลลา อดุลยศาสน์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา ที่ปรึกษานักศึกษา กล่าวว่า การเรียนรู้ดังกล่าวนอกจากจะเรียนรู้ในวิชาที่เรียนแล้วยังต้องบูรณาการกับความรู้ในอีกหลากหลายศาสตร์ ความท้าทายคือความรู้นอกห้องเรียน ความรู้จากชุมชนที่ทำให้เด็กๆ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะสร้างความรู้จากการเรียนในห้องไปสู่ความรู้ชุมชนและสร้างองค์ความรู้ที่ชุมชนต้องการจริงๆ
ด้านเครือข่ายนักศึกษาที่ทำวิจัยได้กล่าวถึงงานและผลการทำงานที่ผ่านมาไว้หลากหลายแง่มุม อาทิ นางสาวมนิดา นกเกษม นักศึกษาม.อ.ปัตตานี กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมต่อวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ทำว่า “งานวิจัยบนฐานชุมชนนอกจากทำให้ได้ใช้ความรู้ที่เรียนให้สอดคล้องกับพื้นที่จริงแล้ว การวิจัยยังเปิดให้ได้เห็นปัญหาที่กว้างขึ้น เห็นความสัมพันธ์ที่สอดคล้องของปัญหาและกระบวนการในการแก้ไขปัญหา การดึงให้คนในชุมชนเห็นปัญหาและร่วมกันแก้ปัญหาในที่ต้นเหตุร่วมกันจะทำให้การแก้ปัญหาในชุมชนนั้นๆ เป็นไปได้อย่างแท้จริง”
นางสาวรุชดา หมัดโส๊ะ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ทีมวิจัยเรื่อง แนวทางการพัฒนาสู่วิสาหกิจชุมชนของกลุ่มแม่บ้านมุสลิมะฮฺ หมู่บ้านจะแลเกาะ กล่าวถึงงานวิจัยที่ทำว่า “งานวิจัยที่ทำเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าทฤษฎีเรียนรู้ในตำรานั้นมีความหมาย โครงการวิจัยจะเป็นกระบวนการที่ทำให้เรารู้จักปรับใช้เรียนรู้และสิ่งสำคัญคือทำให้เราเห็นต้นทุนเห็นคุณค่าของคนในชุมชน”
SURN กำลังเข้าสู่ระยะของการเก็บข้อมูลเติมเต็มและตอบโจทย์วิจัย สรุปและถอดบทเรียนความรู้และการทำงาน โดยจะมีกิจกรรมของนักศึกษาในการลงพื้นที่ “คืนข้อมูลสู่ชุมชน” ในเดือนหน้า และกิจกรรมถอดบทเรียนสรุปความรู้ และเผยแพร่สร้างผลกระทบต่อไป ผู้สนใจกิจกรรมดังกล่าวสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ใน เพจกลุ่ม SURNFacebook และติดตามการทำงานของเครือข่ายนักศึกษาได้จากมหาวิทยาลัยทั้งสามแห่งโดยตรง