คลื่นมหาชนจากหลายพื้นที่ในชายแดนใต้เดินทางเข้าร่วมงานกินข้าวยำช่วยเหลือครอบครัวแวมะนอจากการถูกยึดที่ดินปอเนาะญิฮาดและย้ายออกมาพักที่มัสยิดท่าด่าน ประชาชนต่างต่างเดินผ่านสวนมะพร้าวไปยังสนามกีฬาประจำชุมชนท่าด่าน ทยอยเข้ามาร่วมงานตั้งแต่สายจนถึงค่ำของวันที่ 19 มีนาคม 2559
เยาวชนจากหลายสถาบันต่างตั้งใจมาร่วมงาน บ้างรับและรวบรวมเงินบริจาคและข้าวของมาจากผู้มีน้ำใจทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่
ผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นทีต่างก็มาให้กำลังใจเช่น สามอดีตนักการเมือง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายนัจมูดีน อูมา ฮัจยีสะมะแอ ท่าน้ำ
ทั้งมีประชาชนจากหลากหลายวงการอาชีพ รวมทั้งขบวนรถบิ๊กไบค์ รถคลาสสิค บนเวทีใหญ่มีการแสดงความเห็นและพูดคุยกันตลอดทั้งวัน
เต๊นท์ขนาดใหญ่หลายหลังเรียงรายเต็มพื้นที่สนามกีฬาประจำบ้านท่าด่าน แบ่งที่นั่งแยกชายหญิง นักเรียน นักศึกษาและชาวบ้านต่างร่วมกันช่วยงานอย่างเต็มที่
นายบัลยาน แวมะนอ ลูกชายของนายดูนเลาะ กล่าวว่า ดีใจและขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาร่วม รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจเป็นอย่างมาก ครอบครัวจะไม่ลืมเหตุการณ์ในวันนี้
นักเรียนหญิงชั้นม.6 จากโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามพ่อมิ่ง ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มาช่วยงานนี้จำนวน 150 คน สลับเวรกันช่วย
“งานนี้เป็นงานแรกที่เห็นคนมาร่วมงานจำนวนมากมายแบบนี้ มาช่วยยกและเสิร์ฟข้าวยำ ขายน้ำหวาน แยกเศษอาหารแบ่งหน้าที่กันทำ”
นางสาวรอฮานิง มะแด ชาวบ้านท่าด่านและศิษย์เก่าปอเนาะญิฮาดด้วยบอกว่า เสียใจที่ปอเนาะต้องมาเป็นแบบนี้ เรียนอยู่ 3 ปีตั้งแต่บาบอดูนเลาะยังสอนอยู่ แต่เมื่อคำตัดสินของศาลให้ยึดที่ดิน ครอบครัวของบาบอและศิษย์เก่าตัดสินย้ายออกมา เมื่อจัดงานรับบริจาคมีพี่น้องมากมายมาร่วมปันน้ำใจ รู้สึกดีใจและซาบซึ้งไปด้วยกับน้ำใจที่ทุกคนมีให้
นักเรียนชั้นม.3 จำนวน 4 คนจากโรงเรียนดรุณศาสน์ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี บอกว่าตั้งใจขี่มอเตอร์ไซค์มาร่วมงานและร่วมบริจาคแม้จะมีเงินไม่มาก
“คนมาร่วมงานเยอะมาก เมื่อได้ดูประวัติของปอเนาะแล้วเห็นใจเขา อยากให้เขาได้รับความเป็นธรรม”
“งานกินข้าวยำของมุสลิมไม่มีเครื่องดื่มมึนเมา คนเยอะแค่ไหนก็จะไม่มีเรื่องราวทะเลาะกัน เรามาทำบุญด้วยใจ ด้วยความเป็นมนุษย์ร่วมแผ่นดินเดียวกัน ให้เขาได้รับความเป็นธรรมบ้าง” ชายหนุ่มสงวนนนามจากจ.สงขลา บอกกล่าวความรู้สึกในการมาร่วมงานครั้งนี้
เมื่อร่วมงานบุญเสร็จ พี่น้องบางส่วนได้ไปยังปอเนาะญิฮาดเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน และเดินทางกลับด้วยความอิ่มใจในการทำบุญ คาดว่ายอดเงินบริจาคในครั้งนี้คงบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.58 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดง ฟ.26/2556 ให้ที่ดินอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนญิฮาดวิทยา หรือปอเนาะญิฮาด เลขที่ 699 หมู่ 4 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพราะใช้เป็นสถานที่ฝึกของนักรบในขบวนการแบ่งแยกดินแดน โดยที่ นายดูนเลาะ แวมะนอ อดีตครูใหญ่ของโรงเรียน ถูกทางการฟ้องร้องกล่าวหาในคดีก่อการร้ายและกบฏแบ่งแยกดินแดน
ผลของคำพิพากษาได้สร้างความไม่เข้าใจให้กับฝ่ายครอบครัวแวมะนอ นำโดย นางยาวาฮี ภรรยาของนายดูนเลาะ และ นายบัลยาน ลูกชาย รวมทั้งศิษย์เก่าของโรงเรียน และประชาชนในพื้นที่ เพราะเห็นว่าที่ดินอันเป็นที่ตั้งของปอเนาะญิฮาดซึ่งมีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 นั้น เป็นมรดกที่ตกทอดถึงยาวาฮีและพี่น้องรวม 5 คน ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของนายดูนเลาะซึ่งเป็นเขยเข้ามาแต่งงานกับนางยาวาฮี และนางยาวาฮีกับพี่น้องคนอื่นๆ ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก็ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีก่อการร้ายด้วย
จนถึงวันครบกำหนดขยายเวลายื่นอุทธรณ์คดีเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2559 ครอบครัวแวมะนอตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ และเก็บข้าวของออกจากปอเนาะไปอาศัยอยู่ที่มัสยิดบ้านท่าด่านเป็นการชั่วคราว มีพี่น้องไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก จนมีการจัดกิจกรรมกินข้าวยำ เพื่อซื้อที่ดิน สร้างปอเนาะญิฮาดใหม่พร้อมสร้างที่อยู่ให้กับครอบครัวแวมะนอ และซ่อมแซมมัสยิดบ้านท่าด่าน