14 องค์กรจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกันจัดงาน “วันสิทธิเด็กปาตานี” เด็กชายแดนใต้กว่า 700 คนร่วมงานกิจกรรมสร้างสรรค์ เสริมความรู้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการร่วมสร้างพื้นที่ปลอดภัยเด็ก ซึ่งจัดขึ้นในวันถัดจากวันสิทธิเด็กสากล (A DAY FOR CHILDREN RIGHTS 20 พ.ย.) เพียงวันเดียวโดยจัดขึ้น ณ อาคารเอนกประสงค์ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ปัตตานี เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2558 คาดปีหน้าจัดยิ่งใหญ่กว่านี้
การจัดงานในครั้งมีเป้าหมายคือสร้างการตระหนักรู้ด้านสิทธิเด็กให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในการปกป้องและคุ้มครองเด็ก สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรพัฒนาเอกชนในการปกป้องและคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ความไม่สงบ และสร้างพื้นที่ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการปกป้องตนเองและเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกระบวนการสันติภาพ รวมทั้งสร้างการตระหนักรู้ด้านสิทธิเด็กให้กับหน่วยงานรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน(NGOs) และผู้ที่เกี่ยวข้องในการปกป้องและคุ้มครองเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรพัฒนาเอกชนในการปกป้องและคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ความไม่สงบและสร้างพื้นที่ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการสร้างปกป้องตนเองและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกระบวนการสันติภาพ
ข้อมูลจากกลุ่มด้วยใจกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2547 – 2558 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ทำให้เด็กเสียชีวิต 87 ราย ได้รับบาดเจ็บ 440 ราย ส่งผลกระทบให้เด็กต้องโยกย้ายถิ่นออกไปอยู่นอกพื้นที่ และเด็กจำนวนมากต้องขาดโอกาสทางการศึกษา และยังส่งผลกระทบทางใจที่มิอาจประมาณค่าความเสียหายได้อีกนับร้อยราย การจัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่จึงมีความสำคัญและช่วยบรรเทาเบาบางเรื่องราวผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างมีเหตุผล
สำหรับ 14 องค์กรที่ร่วมจัดคือ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก กลุ่มพิราบขาว กลุ่มจู่โจมจิตอาสาเพื่อสังคม กลุ่มบุหงารายอ มูลนิธินูซันตารอเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา(Nusantara) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กลุ่มเซากูนา กลุ่มฟ้าใส สมาคมเด็กและเยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ สมาคมเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (Patani Human Right Organization) ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) กลุ่มด้วยใจ และกลุ่มลูกเหรียง ร่วมด้วย ธนาคารใจอาสา ศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 มูลนิธิฮิลาลฮะมัร ศว.ชต.
สำหรับสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กโดยเฉพาะในการปกป้องคุ้มครองเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้เมื่อปี 2535 อนุสัญญาฉบับนี้ได้กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่ทุกประเทศต้องรับประกันสิทธิของเด็กในประเทศของตนเอง ได้แก่ 1. สิทธิที่จะมีชีวิตรอด ต้องได้รับการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน มีสันติภาพ และความปลอดภัย 2.สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา มีครอบครัวที่อบอุ่น ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และมีภาวะโภชนาการที่เหมาะสม 3.สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง ให้รอดพ้นจากการทำร้าย การถูกล่วงละเมิด การถูกทอดทิ้ง และการแสวงประโยชน์ในทุกรูปแบบ 4.สิทธิที่ในการมีส่วนร่วม ในการแสดงความคิดเห็น แสดงออก การมีผู้รับฟัง และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบกับตนเอง
ด.ช.อานีส ยาโก๊ะ ชั้นป.4 โรงเรียนบาโงสาเมาะ จากอ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้บอกว่า สนุกมาก ได้เล่นเกมและตอบคำถามในซุ้มต่างๆ ได้ฝึกคิดและได้ความรู้ว่าเด็กมีสิทธิ์อย่างไรบ้างจากพี่ๆ ที่คอยให้คำแนะนำ อยากให้จัดอีก และจัดบ่อยกว่านี้ จะมาร่วมงานอีกและชวนเพื่อนๆ มาด้วย
นายฮัมดี ขาวสะอาด เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก มูลนิธิพัฒนาเด็ก ศูนย์ภาคใต้ หนึ่งในองค์กรร่วมจัดงานครั้งนี้กล่าวว่า
“ภาพรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็กในวันนี้คือความสุขที่มองเห็นและสัมผัสได้ จากความร่วมมือของหลายองค์กรที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้นมาด้วยตระหนักถึงความเป็นจริงของเด็ก ท่ามกลางสถานการณ์พื้นที่ชายแดนใต้ที่เป็นอยู่ เป็นการจุดประกายให้ผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานต่างๆ ได้ตระหนักและหันหน้ามาร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน เด็กที่มาทั้งพุทธและมุสลิม ไม่มีการแบ่งแยกกัน ได้ของที่ระลึกกันทุกคน
ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับเด็กชายแดนใต้ที่มีความสุขและปลอดภัย เพราะเด็กคือผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างไรกับสถานการณ์ในพื้นที่ เด็กควรมีสิทธิ์และได้รับสิทธิ์ที่เป็นไปตามช่วงวัยเด็ก ให้ได้จดจำเรื่องราวดีๆ ในความทรงจำ ช่วงชิงเด็กออกจากเกม สื่อออนไลน์ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเขา รวมทั้งที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมของเด็กแยกกันมาตลอด ความสุขของเด็กที่ได้รับก็ต่างกัน จึงอยากให้มีการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างอบต. โรงเรียนตาดีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับเด็กโดยการพูดคุยระหว่างกันมากขึ้น หาแนวทางทำงาน ประสานงานโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือประโยชน์ต่อเด็ก เชื่อมั่นว่าสามารถทำได้และต้องเร่งทำในเร็ววันนี้”
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็กๆ สร้างความสุขและพลังให้กับหลายคนได้ดีทีเดียว…