หน้าแรก ข่าวในประเทศ ข่าวชายแดนใต้

ปคม.สร้างเครือข่ายชายแดนใต้ปราบปรามการค้ามนุษย์ ชี้ธุรกิจประมงมาเป็นที่ 1

ปคม. จัดอบรมสัมมนาเครือข่าย การปราบปรามค้ามนุษย์ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เผยปัญหาการค้ามนุษย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กระทบมากที่สุด คือ ธุรกิจการประมง รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรม และสถานบริการ

วันนี้ (14 ส.ค.) ที่โรงแรม เซาท์เทิร์นวิวปัตตานี กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้มีการจัดอบรมสัมมนาเครือข่าย การปราบปรามค้ามนุษย์ให้กับผู้ประกอบการ กว่า 300 คน ประกอบด้วย ธุรกิจประมง อุตสาหกรรม สถานบริการ ร้านคาราโอเกะ แรงงานก่อสร้าง และอื่นๆ ที่มีการใช้แรงงานต่างด้าว โดยมี พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เป็นประธานในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

ซึ่งการจัดฝึกอบรมครั้งนี้เพื่อสร้างเครือข่าย ปคม. ให้ความรู้เท่าทันในสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย และปัญหาในรูปแบบต่างๆ เช่นการค้าประเวณี ขอทาน การใช้แรงงานเด็ก การใช้แรงงานบังคับในภาคต่างๆ เช่น ภาคประมงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นปัญหาสะสมมานานถึง 2 ปี และยังคงมีการลักลอบการค้าแรงงานที่ผิดกฎหมาย ในลักษณะขบวนการค้ามนุษย์ ผ่านกระบวนการ 3 สถานะคือ ประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ซึ่งประเทศไทยยังอยู่ใน ทางผ่าน

โดยผู้ที่ตกเป็นผู้เสียหายหรือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ มีทั้งที่เป็นเด็กเยาวชนสตรี และกลุ่มใช้แรงงาน ทั้งที่เป็นคนไทยและแรงงานที่มาจากต่างประเทศเพื่อนบ้านด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จึงต้องมีการ สร้างเครือข่าย ปคม. ต้านภัยค้ามนุษย์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ในการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ได้ทุกรูปแบบ ไม่ให้เด็ก เยาวชนสตรี ต้องตกไปเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์

พ.ต.อ. มานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการปราบปรามค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า กลุ่มเครือข่ายที่ได้มาอบรมครั้งนี้ ถือเป็นองค์กรร่วมในการป้องกันต้านภัยการค้ามนุษย์ที่ต้องการให้หมดสิ้นไป ส่วนปัญหาการค้ามนุษย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กระทบมากที่สุด คือ ธุรกิจการประมง เพราะส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรม และสถานบริการ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้อง

“ในส่วนของการลักลอบค้ามนุษย์ที่ผ่านเส้นทางชายแดนภาคใต้ อ.สุไหงโกลก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส นั้น พบว่า ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีการปราบปรามอย่างเข้มงวด พบว่าจับได้ไม่ถึง 10 คดี ถือว่าน้อยมากในเส้นทางนี้ เราทราบว่ายังมีการลักลอบอยู่แต่น้อย ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังติดตามเป้าหมายอย่างใกล้ชิด โดยจะเน้นในด้านการป้องกันปราบปรามตามกฎหมายให้ดีที่สุด เพื่อให้ทราบว่าเรามีการดำเนินแก้ไขและสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยดูดีขึ้นในสายตาของนานาชาติ” พ.ต.อ. มานะ กล่าว

ที่มา: http://www.manager.co.th