น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-อียู ซึ่งนายดอน ปรมัติถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมร่วมกับนางเฟเดอริกา โมเกอรินี ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของอียูและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-อียูว่า ที่ประชุมได้ให้การรับรองเอกสาร 3 ฉบับ ประกอบด้วย ถ้อยแถลงร่วมในโอกาสครบรอบ 40 ปีของความสัมพันธ์อาเซียน-อียู แผนปฎิบัติการร่วมอาเซียน-อียูปี 2561 – 2565 และแถลงการณ์อาเซียน-อียูยืนยันพันธกรณีตามความร่วมมือในการรับมือกับความท้าทายร่วมกันอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
น.ส.บุษฎีกล่าวว่า อาเซียน-อียูตระหนักว่าปีนี้ครบ 40 ปีของความสัมพันธ์ระหว่างกัน การรวมตัวที่ยาวนานในระดับภูมิภาคมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในยุโรป ทั้งยังถือว่ามีบทบาทสำคัญในเวทีโลก อาเซียน-อียูเห็นพ้องในหลักการเรื่องภูมิภาคนิยมและการรวมตัวระหว่างภูมิภาคว่าจะช่วยให้สามารถตอบสนองและรับมือกับความท้าทายระดับโลกได้เป็นอย่างดี และยังเห็นถึงผลประโยชน์ในการดำเนินความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนด้านการบูรณาการการรวมตัวกันของสองภูมิภาค
น.ส.บุษฎีกล่าวว่า นอกจากนี้ยังถือเป็นมิติใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนอียูโดยสองฝ่ายได้ยึดมั่นที่จะช่วยเหลือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน การปกป้องสิทธิมนุษยชนสิทธิขั้นพื้นฐาน ปกป้องหลักนิติรัฐ และความเสมอภาคทางเพศ
“ในโอกาสฉลองความสัมพันธ์ระหว่างกันครบ 40 ปี เรายืนยันความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าความร่วมมือต่างๆ ที่มีอยู่เพื่อยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน-อียู ไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในอนาคต”น.ส.บุษฎีกล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวอีกว่า อาเซียน-อียูจะเดินหน้าทำงานร่วมกันในเพื่อยกระดับสู่ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยส่งเสริมความร่วมมือเพื่อเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกัน การพัฒนาด้านพลังงาน อุตสาหกรรมด้านการบิน การเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือระดับประชาชนกับประชาชน ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา
ในโอกาสนี้นายดอนยังได้ทำการมอบเอกสารสำคัญต่างๆ ของอาเซียนซึ่งจัดทำขึ้นเป็นอักษรอักษรเบรลล์และสื่อหนังสือเสียง ที่กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของไทยในการเปิดโอกาสในการเข้าถึงให้กับคนทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระดับโลกระหว่างอาเซียนกับสภาพยุโรปเพื่อเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน ซึ่งเป็นผลจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-อียู ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาให้กับนางโมเกอรินีด้วย
ที่มา: https://www.matichon.co.th/