ทางศาสอินเดียได้มีการยกเลิกข้อห้ามที่ไม่ให้ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปยังตรงกลางของมัสยิดฮัจยีอาลีแห่งนครมุมไบได้
ศาสลสูงสุดของนครมมุมไบได้อ่านคำแถลงดังกล่าว เกี่ยวกับข้อห้ามดังกล่าวว่าที่ “เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน” และเป็นการเลือกปฏิบัติสำหรับผู้หญิงอีกด้วย ผู้พิพากษาคนหนึ่งกล่าว
ข้อห้ามดังกล่าวมีขึ้นเมื่อปี 2012 ในช่วงที่มูลนิธิแห่งหนึ่งที่ขับเคลื่อนงานด้านศาสนาสถานแห่งนี้ ได้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นความผิด “บาป” อย่างหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปสัมผัสกับสุสานของนักพรตซูฟีที่อยู่ตรงกลางของมัสยิดดังกล่าว
ถึงแม้ว่าขิ้ห้ามดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะสามารถเข้าไปยังสถานที่ดังกล่าวได้ทันที เพราะว่าทางศาลสูงสุดของอินเดียยังได้ชะลอการประกาศใช้การตัดสินดังกล่าวเป็นเวลาหกสัปดาห์ด้วยกัน เพื่อให้ทางมัสยิดเองมีเวลาสามารถยื่นอุธรณ์ต่อศาลฏีกาได้
อย่างไรก็ตามคำตัดสินของศาลครั้งล่าสุดนี้ ถือเป็นการส่งเสิรมที่แข็งแกร่งที่สนับสนุนให้ผู้หญิงสามารถเข้าไปยังตรงกลางของมัสยิดนั้นได้
เมื่อไม่กีเดือนก่อนหน้านี้ ได้มีการรณรงค์เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย เพื่อให้ผู้หญิงสามารถเข้าไปยังมัสยิดนั้นได้ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกสั่งห้ามไม่อนุญาตให้เข้าไป
มีมัสยิดชีอะฮ์และซุนนี่หลายแห่ง ที่ได้อนุญาตให้ผู้หญิงสามาถเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจได้ ถึงแม้ว่าจะต้องฝ่าฟันข้อจำกัดต่างๆ ก็ตาม
นโยบายดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับกลุ่มที่รณรงค์เคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งมุสลิมและฮินดู
เช่น กลุ่มบาราติยามุสลิมมาหิลาอันโดลาน (Bharatiya Muslim Mahila Andolan (BMMA)) ที่ได้ออกมาต่อต้านนโยบายของผู้บริหารมัสยิดฮัจยีอาลีดังกล่าว ที่ได้จำกัดพื้นที่สำหรับกลุ่มผู้หญิงที่เข้าไปในมัสยิด การยกเลิกกฏข้อห้ามดังกล่าวของศาลถือได้ว่าเป็นที่ถูกตอบรับจากกลุ่มดังกล่าวอย่างทั่วกัน
“ผู้บริหารมัสยิดดังกล่าวจะต้องไปยื่นอุธรณ์ต่อศาลฏีก่อย่างแน่นอน เราไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่เราเชื่อว่าเราชะชนะมัน”
ที่มา http://www.bbc.com/indonesia/dunia/2016/08/160826_majalah_india_kuil?ocid=socialflow_facebook